10 พิกัดห้ามพลาดในอาห์เมดาบัด ประเทศอินเดีย

อินเดียเที่ยวครั้งเดียวมันไม่พอหรอก 5555 นี่เป็นทริปที่สองที่เราได้มาอินเดียหลังจากเพิ่งไปมาเมืองเดือนที่แล้วรอบนึง และครั้งนี้เมืองที่เราเลือกที่จะเดินทางไปก็คือ อาห์เมดาบัดเป็นเมืองที่ได้ชื่อว่าเป็นมรดกโลกแห่งแรกของอินเดีย จุดเด่นของเมืองนี้ก็คือโบราณสถานและสถาปัตยกรรรม ถ้านึกภาพไม่ออกลองนึกถึงอยุทธยาบ้านเรา อารมณ์ประมาณนั้นเลยแต่จะเป็นสถานปัตยกรรมของอินเดีย สำหรับเราคือมันสวยและแปลกตามากๆ ดูขลังอย่างบอกไม่ถูก และหลายๆที่มองไปมองมามันก็คล้ายๆสถาปัตยกรรมของกรีกเหมือนกันนะ 55555 แต่ละที่ดูยิ่งใหญ่และอลังการมากๆ

สำหรับการเดินทางไปอาห์เมดาบัดที่ประเทศอินเดียเราเดินทางด้วยสายการบิน Thai Smile ซึ่งเพิ่งเปิดเส้นทางใหม่บินตรงจากสุวรรณภูมิไปลงสนามบินอาห์เมดาบัด ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง และ Thai Smile เป็นสายการบินแบบ Full Service ราคาที่จ่ายคือรวมทุกอย่างแล้วไม่ว่าจะเป็น น้ำหนักกระเป๋าฟรี 30 ก.ก. อาหาร ของว่าง เครื่องดื่มต่าง ๆ และสามารถเลือกที่นั่งได้อีกด้วย ( ตรวจสอบเที่ยวบินได้ที่  https://www.thaismileair.com/th ) 

และสำหรับรีวิวนี้เราจะพาทุกคนไปสัมผัสกับ 10 พิกัดห้ามพลาดในอาห์เมดาบัด  ถ้าอยากรู้ว่ามีที่ไหนบ้าง แต่ละที่จะสวยและอลังการขนาดไหนตามไปอ่านกันได้เลย

 

สำหรับการเดินทางไปอาห์เมดาบัดที่ประเทศอินเดียเราเดินทางด้วยสายการบิน Thai Smile ซึ่งเพิ่งเปิดเส้นทางใหม่บินตรงจากสุวรรณภูมิไปลงสนามบินอาห์เมดาบัด ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง และ Thai Smile เป็นสายการบินแบบ Full Service ราคาที่จ่ายคือรวมทุกอย่างแล้วไม่ว่าจะเป็น น้ำหนักกระเป๋าฟรี 30 ก.ก. อาหาร ของว่าง เครื่องดื่มต่าง ๆ และสามารถเลือกที่นั่งได้อีกด้วย สำหรับเส้นทางบินตรงสู่อาห์เมดาบัดจะมีเที่ยวบิน 4 ไฟลท์ต่อสัปดาห์ คือ วันจันทร์ , พุธ , พฤหัสบดี , ศุกร์ส่วนเรื่องราคาไปกลับรวมทุกอย่างไม่เกินหมื่นต้นๆแน่นอน หรือถ้าหาวันเวลาดีๆอาจจะได้ตั๋วไปกลับไม่เกิน 8,000 บาทก็เป็นไปได้นะ สำหรับเราราคานี้รวมทุกอย่างถือว่าคุ้มมาก ( ตรวจสอบเที่ยวบินได้ที่  https://www.thaismileair.com/th ) 

#ThaiSmileAirways #THAISmile #THAISmileAhmedabad

ที่นั่งสบาย อาหารอร่อย ใช้เวลา 4 ชม. ในการเดินทางเราก็นอนกันยาวๆเลย 5555

ก่อนอื่นเราขอพูดถึงเรื่องรายละเอียดการเดินทางและข้อควรรู้กันก่อนนะ

– การไปเที่ยวอินเดียต้องมีวีซ่า (ปัจจุบันค่าสมัครอยู่ที่  25 USD ประมาณ 760 บาท อายุ 30 วัน เข้า/ออกประเทศได้ 2 ครั้ง) โดยสามารถสมัครทาง online ได้ด้วยตัวเอง

– ที่เที่ยวในอาห์เมดาบัดแต่ละที่ค่อนข้างจะห่างกันพอสมควร วิธีการเดินทางที่ง่ายที่สุดคือเช่าแท็กซี่พร้อมคนขับให้พาเที่ยวจุดต่างๆ เราใช้บริการของ Happy Travels Car Rental Ahmedabad ถือว่าโอเคเลยราคาที่เราได้คือ 5,775 รูปี เที่ยว 2 วัน ระยะทางไม่เกิน 500 กิโลเมตร ถือว่าสะดวกสบายมาก

– พาสปอร์ตต้องพกติดตัวตลอดเวลา เพราะสถานที่ท่องเที่ยวเกือบทุกที่ของเมืองนี้จะลดราคาพิเศษสำหรับพาสปอร์ตไทย ทำให้ทริปนี้เที่ยวได้ถูกมากๆ ถ้าไม่มีพาสปอร์ตราคานักท่องเที่ยวบางที่คือ 300 รูปี แต่ถ้ามีพาสปอร์ตราคาจะลดเหลือประมาณ 25 รูปี – 40 รูปี แล้วแต่สถานที่ ถือว่าลดลงเยอะมากพกติดตัวไว้ให้ดีแล้วตอนจ่ายค่าเข้าก็โชว์ให้เขาดูด้วยนะว่าเรามีพาสปอร์ตไทย

–  อาห์เมดาบัดเป็นเมืองหนึ่งของรัฐคุชราต เป็นเมืองมรดกโลกแห่งแรกของอินเดีย และสำหรับเราเมืองนี้ถือว่าเจริญมากนะไม่น่ากลัว เที่ยวง่าย เมืองนี้ถ้าใครอยากเที่ยวเองในเมืองก็เที่ยวได้นะวันสุดท้ายก่อนกลับเราก็เที่ยวเองหนึ่งวันก็รู้สึกโอเคไม่น่ากลัว

– สถานที่ท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะเป็นโบราณสถานและสถาปัตยกรรรมเป็นหลัก ถ้านึกภาพไม่ออกลองนึกถึงอยุทธยาบ้านเรา อารมณ์ประมาณนั้นเลยแต่จะเป็นสถานปัตยกรรมของอินเดีย สำหรับเราคือมันสวยและแปลกตามากๆ ดูขลังอย่างบอกไม่ถูก

รายละเอียดคร่าวๆละข้อควรรรู้ของอาห์เมดาบัดก็ประมาณนี้แหละ หลังจากนี้ก็ไปดูกันเลยว่า 10 พิกัดห้ามพลาดในอาห์เมดาบัดมีที่ไหนกันบ้าง…..

 

Adalaj Stepwell

เริ่มจากที่แรกเราจะออกจากนอกเมืองไปเที่ยว Gandhinagar ที่อยู่ห่างจากอามาดาบัดไป 18 กิโลเมตร  ‘Adalaj stepwell ‘ บ่อกักเก็บน้ำโบราณที่ลึกถึง 5 ชั้น รูปทรงทรงแปดเหลี่ยม เสาและผนังถูกแกะสลักอย่างสวยงาม นี่ไม่เคยคิดเลยว่าการสร้างบ่อกักเก็บน้ำมันจะต้องสวยขนาดนี้55555 จากชั้นบนสุดจะมีบันไดให้เราลงไปได้เรื่อยๆถึงชั้นล่างเลย ยิ่งเดินลึกลงไปนี่ก็แอบทึ่งในความประณีตของสถาปัตยกรรมที่นี่นะ คืออลังมากกก เรานี่ร้องว้าวทุกสเต็ปการเดิน55555

ค่าเข้า: 25 รูปี ถ้าโชว์พาสปอร์ตไทย

มุมถ่ายรูปสวยๆเยอะมากกก

วิธีถ่ายให้สวยคือหามุมที่ดูอลังการให้เจอแล้วพยายามถ่ายเสยขึ้นให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของสถานที่

ตอนแรกคิดว่าเดินถ่ายแป่ปเดียวกลับ ถ่ายไปถ่ายมายาวเลยจ้า 555555

ข้อดีอีกอย่างของเมืองนี้ก็คือนักท่องเที่ยวไม่เยอะทำให้ถ่ายรูปได้สบายมาก

Sun Temple

วัดที่สร้างขึ้นเพื่อบูชาสุริยเทพหรือเทพเจ้าแห่งแสงอาทิตย์ พอเข้ามาสิ่งที่สะดุดตาเราสุดเลยคือบ่อเก็บน้ำทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ทางด้านหน้าของตัวศาสนสถาน ซึ่งบ่อเก็บน้ำที่นี่จะมีการแกะสลักเป็นเทพเจ้าต่างๆตามระหว่างบันไดอย่างสวยงาม และสามารถเดินไปถึงข้างล่างได้ง่ายเลยเพราะเขาสร้างแบบสลับขั้น ออกแบบมาเพื่อให้เราได้เดินลงไปถ่ายรูปสวยๆได้สะดวก หลอก555555 เขาออกแบบมาให้คนที่นี่เดินลงไปตักน้ำได้สะดวกและลงไปได้หลายคนต่างหากล่ะ5555 ตรงนี้คือชวนยั่วใจให้ลงไปถ่ายรูปสวยๆมากกก ส่วนตัวศาสนสถานเองก็ถูกแกะสลักอย่างสวยงามเช่นกัน เราขอกดหัวใจดวงใหญ่ๆให้กับที่นี่เลย5555

ค่าเข้า: 25 รูปี ถ้าโชว์พาสปอร์ตไทย

มุมที่ไม่ควรพลาด

ถ่ายตรงไหนก็สวย

ในตัวศาสนสถานก็ถ่ายรูปสวยมาก ดูอลังการสุดๆ

เรียกได้ว่าถ่ายมุมไหนก็สวยสำหรับที่นี่

Queen’s Stepwell หรือ Rani Ki Vav

เรียกได้ว่าวันนี้เป็นวันของ step well เลยก็ว่าได้555 เพราะเราจะไปต่อกันที่บ่อกักเก็บน้ำที่ที่ 3 ของวัน ‘Queen’s Stepwell’ บ่อกักเก็บน้ำที่โคตรใหญ่และได้รับการขึ้นทะเทียนเป็นมรดกโลกขององค์การยูเนสโก คือใหญ่และอยู่ลึกลงไปจากพื้นดินถึง 7 ชั้น และตลอดทั้ง 7 ชั้นตัวเสาและผนังจะถูกแกะสลักเป็นเทพเจ้าและคัมภีร์ต่างๆของอินเดียได้อย่างประณีตและละเอียดมากก เดินลงไปแต่ละชั้นก็คือตื่นตาตื่นใจกับความละเอียดอ่อนของคนที่นี่มากๆที่สร้างอะไรแบบนี้ได้อย่างอลังขนาดนี้ เราขอให้คะแนนเต็มสิบเพราะสวยสะกดใจมากจ้าา

ค่าเข้า : 40 รูปี ถ้าโชว์พาสปอร์ตไทย

ใหญ่มากๆยังไม่พอยังถ่ายรูปสวยด้วย 5555

ถ่ายกับเสายังสวยอ่ะคิดดู 55555

สิ่งที่ทุกคนท่มาอินเดียต้องโดนคือการโดนขอถ่ายรูปนี่แหละ 55555

Shree Swaminarayan Mandir

เริ่มที่แรกของวันเราจะไปเช็คอินกันที่วัดฮินดูแห่งแรกของเมือง Ahmedabud อายุเกือบ 200 ปี ที่ถูกสร้างโดย Swaminarayan Bhagwan ผู้ก่อตั้งศาสนาฮินดู ซึ่งด้านในวัดจะแบ่งเป็นโซนพระนารายณ์และพระลักษมี มีตัวเสาแต่งโค้งแกะสลักเป็นโทนสีพาสเทลชวนให้แชะรูปมากกกกก

เราชอบลวดลายที่ตัวเสามาก

ถ่ายเสาซ้อนกันเป็นชั้นๆแบบนี้ก็สวยไปอีกแบบ

Shree Swaminarayan Mandir ที่เราไปมาเมื่อกี่รถเข้ายากคนขับแท็กซี่เลยแนะนำให้นั่งตุ๊กๆเข้าไป และที่ต่อไปก็คือ Jama Masjid ก็นั่งตุ๊กๆต่อไปเหมือนกัน การมาอินเดียนี่ต้องลองนั่งตุ๊กๆด้วยนะเพราะเหมือนเป็นการนั่งรถชมเมืองแบบใกล้ชินไปในตัว 55555

Jama Masjid

มัสยิดหินทรายขนาดใหญ่ประจำเมืองหรือใหญ่ที่สุดในประเทศอินเดีย มีลานกว้างที่เปิดโล่งล้อมรอบด้วยเสาและผนังทาสีด้วยอักษรอาหรับขนาดใหญ่ ที่นี่สามารถบรรจุคนได้ถึง 25,000 คนเลยนะเว้ยยย คือสวยสะกดกับความใหญ่โตของที่นี่จริงๆ

ก่อนไปต่อที่ต่อไปเราก็เดินถ่ายรูปบรรยากาศในเมืองกันนิดนึง

DaDa Stepwell หรือ Dada harir vav

มาต่อกันที่อ่างเก็บน้ำที่สุดท้ายของเมืองนี้ Dada Harir สร้างจากหินทราย รูปทรงแปดเหลี่ยม ลึก 5 ชั้น ถ้าเข้าไปยังชั้นล่างด้านในสุดเราสามารถมองขึ้นไปทางด้านบนของปากบ่อที่เผยให้เห็นแสงที่ลอดเข้ามาภายในบ่อนี้ แล้วทุกคนจะต้องร้องโอโหหหให้กับความลึกของที่นี่5555 ส่วนการแกะสลักต่างๆก็ไม่ทำให้ผิดหวัง สวยงามและประณีตตามแบบฉบับอินเดียเขาแหละ

ถ่ายมุมเสยแบบนี้ถ้าใครมีเลนส์กว้างๆบอกเลยว่าสวยมาก

ให้ตัวแบบมองฟ้าไว้แบบนี้แล้วถ่ายได้เลย

ดูลึกลับและสวยงามไปในตัวสำหรับที่นี่

 

 

 

 

Sarkhej Roza

ที่นี่คือสุสาน สุเหร่า และพระราชวังฤดูร้อนที่ล้อมรอบสระน้ำขนาดใหญ่ มีสถาปนิกชาวสวิสและฝรั่งเศษเคยเปรียบการออกแบบของที่นี่ว่าคล้ายกับโครโพลิสที่เอเธนส์ เราก็แอบเป็นงงว่านี่เดินอยู่อินเดียหรือกรีซกันแน่นะ555555

ค่าเข้า: 3 รูปี หรือ 1 บาท โคตรถูกกก

เข้าไปชมด้านในกันหน่อย

ช่วงเย็นจะมีแสงส่องผ่านหน้าต่าง เอาหน้าไปใกล้ๆแล้วถ่ายบอกเลยว่าสวยมาก

ต้องบอกก่อนว่าที่นี่กว้างมาก จุดที่เราถ่ายตรงนี้จะต้องขับรถอ้อมไปอีกทาง ต้องเอาภาพให้แท็กซี่ดูแล้วให้เขาพาไป

ขอถ่ายชาวบ้านกันหน่อยยย คนอินเดียขอถ่ายรูปง่ายมากถ้าอยากขอถ่ายไม่ต้องเกรงใจเพราะเขาพร้อมเสมอ 5555

Eleven 11 Restro Cafe

ปิดท้ายของวันด้วยร้านน่ารักๆอย่าง Eleven 11 Restro Cafe ที่คนชอบถ่ายรูปจะต้องร้องกรี๊ดดดเพราะมุมถ่ายรูปร้านนี้คือเยอะมาก แต่เดี๋ยวก่อนคุณร้านนี้เขาเป็นร้านมังสวิรัติ ไม่มีเนื้อสัตว์ใดใดเลยนะจ้ะ ส่วนของหวานไรงี้ก็มีให้ทานบ้างกันกรุบๆ แต่มุมในร้านคือเก๋ ใครจะไปคิดว่า Ahmedabud จะมีร้านน่ารักๆแบบนี้ด้วย

 

Law Garden Market

วันสุดท้ายของทริปเราขอเลือกไปนั่งคาเฟ่เดินช๊อปปิ้งกันแบบชิลๆที่ Law garden market ที่นี่คือตลาดหรือถนนคนเดิน ที่สองข้างทางจะเต็มไปด้วยร้านค้าที่มีขายทั้งเสื้อผ้า เครื่องประดับ กระเป๋า เยอะมาก เรียกได้ว่าจัดจ้านในย่าน Ahmedabud เลยก็ว่าได้555 เพราะสีชุดในแต่ละร้านที่ถูกเอามาขายล้วนแต่เป็นสีเจ็บๆกันทั้งนั้นเลย55555 ใครอยากจะซื้อของฝากหรืออยากจะทำตัวเป็นคนพื้นที่ ก็มาซื้อชุดเปลี่ยนได้ที่นี่เล้ยยยย5555

แนะนำให้มาช่วงเย็นๆของจะมีขายเยอะกว่า

The project cafe

จาก Law garden นั่งรถไปอีกไม่ไกล เราก็มาถึงร้าน The project cafe ที่นี่คือคาเฟ่ที่โคตรคูลลล บรรยากาศสุดเท่ห์จนต้องบอกต่อ ใครจะมานั่งชิมของหวานกินของคาว หรือจะมาเสพงานอาร์ต แวะซื้อของฝาก ที่นี่คือครบบเลยคุณ เพราะที่นี่นอกจากจะเป็นคาเฟ่แล้วยังมีจัดแสดงงานศิลปะแบบเล็กๆให้เราได้ชมด้วย แถมยังมีของแฮนด์เมดต่างๆให้เราได้เลือกช๊อป เต็มสิบไปเลยจ้าากับร้านนี้

 

และก็จบไปแล้วสำหรับ 10 พิกัดห้ามพลาดในอาห์เมดาบัด เป็นไงกันบ้างอ่านจบแล้วชอบที่ไหนกันบอกเราได้น่า หรือถ้าใครมีแพลนจะไปที่นี่แล้วมีข้อสงสัยสามารถทักมาถามเราได้ตลอดเลยนะ จะช่วยเต็มที่เลย 5555

อ่านเสร็จแล้วชอบอะไรไม่ชอบอะไรก็บอกกันได้น่าและฝากติดตามรีวิวใหม่ๆของเราได้ที่นี่เลย : เที่ยวก่อนตาย Bucket list TH