รีวิวอินเดีย 7 วัน 6 คืน 12 สถานที่เที่ยว ( ฉบับย่อสำหรับคนไม่อยากอ่านเยอะ )

อย่าเพิ่งตัดสินว่าที่นี่ไม่ดีถ้าคุณไม่ยังเคยไปสัมผัส
เพราะสำหรับเรา “อินเดีย” เป็นอีกหนึ่งประเทศที่ต้องไปก่อนตาย

ทริปนี้เราไปมาทั้งหมด 3 เมือง เดลี – ชัยปุระ – มะนาลี
ใช้เวลา 7 วัน 6 คืน งบ 16,000 บาท (รวมทุกอย่าง)

ย้อนกลับไปเมื่อสมัยที่เราเริ่มเที่ยวใหม่ๆ ตอนนั้นมีสถานที่และประเทศต่างๆที่เราอยากไปเข้ามาในหัวเยอะมาก แต่ถ้าพูดถึงประเทศแรกๆที่เรายังไม่อยากไปเลยก็คือ “อินเดีย” นี่แหละ 55555555 ด้วยเหตุผลที่ว่าเคยอ่านเคยได้ยินข้อมูลต่างๆนาๆไม่ว่าจะเป็น อินเดียสกปรก อาหารไม่อร่อย ที่พักไม่ดี น่ากลัว และอื่นๆอีกมากมายที่ทำให้ประเทศนี้มันดูแย่และไม่น่าไปเที่ยวเลยจริงๆ แต่เวลาผ่านไปเราเริ่มเที่ยวเยอะขึ้นได้เจออะไรใหม่ๆเยอะขึ้น จากที่เคยคิดว่าอินเดียไม่น่าเที่ยว กลับกลายเป็นว่า “ก่อนตายแม่งต้องไปให้ได้สักครั้งนึงอ่ะ” ด้วยเหตุนี่แหละจึงทำให้เกิดทริปนี้ขึ้นมา 5555

และหลังจากที่ได้ไปสัมผัสอินเดียมาเป็นเวลา 7 วัน 6 คืน ถ้าถามว่าเรื่องไม่ดีต่างๆนาๆที่เคยได้ยินมาของอินเดียเป็นเรื่องจริงไหม เราขอตอบตรงนี้เลยว่า……จริงงงง ถุยยยย 55555555 ล้อเล่นโว้ยยยย เราว่าเรื่องนี้มันแล้วแต่คนมากกว่า อย่างที่มีคนเคยพูดไว้ว่า “อินเดียถ้าไม่รักก็ก็คือเกลียดไปเลย” 55555

แต่สำหรับเรามันเอนไปทางชอบมากกว่า เราชอบอาหารอินเดียแต่ไม่ใช่ร้านข้างทางนะ(กุเลือกแดกเหมือนกัน)  ชอบนิสัยคนอินเดีย(มึนดี) 55555 ชอบสถานที่ท่องเที่ยวของอินเดีย (ทั้งที่เที่ยวในเมืองและที่เที่ยวธรรมชาติ) ชอบที่ประเทศนี้เที่ยวได้ถูกมาก (เราไปมา 7 วัน 6 คืน ใช้งบไปแค่ 16,000 บาท ราคานี้รวมทุกอย่าง) แต่สิ่งที่ไม่ชอบก็มีหลายอย่างเหมือนกันไม่ว่าจะเป็น โรงแรมไม่สะอาดถ้าเลือกไม่ดี / เมืองไม่มีระเบียบ / ฝุ่นเยอะชิบหาย และอื่นๆอีกมากมาย เป็นเมืองที่ผสมระหว่างหยินและหยางได้อย่างลงตัวสัสๆ 555555

และหลังจากจบทริปนี้จากความคิดที่ว่า “อยากไปลองสักครั้ง” กลับเปลี่ยนเป็น “กูต้องกลับไปอีกครั้งให้ได้” เพราะรู้สึกว่าประเทศนี้ไปครั้งเดียวไม่พอจริงๆ 5555

สำหรับทริปนี้เราไป 7 วัน 6 คืน ไปมา 3 เมืองคือ เดลี – ชัยปุระ – มะนาลี เที่ยวไปทั้งหมด 14 สถานที่
และเรามั่นใจเลยว่าแต่ละสถานที่ที่เราไปมาคุณจะต้องชอบอย่างแน่นอน !!

รีวิวทริปนี้มีทั้งหมด 2 Ep.
ใครอยากอ่านแบบละเอียดตามไปอ่านได้เลย
รีวิว Ep.1 เดลี – ชัยปุระ ไปอ่านได้ที่นี่ : https://bit.ly/2OdbPDh
รีวิว Ep.2 มะนาลี ไปอ่านได้ที่นี่ : https://bit.ly/37HFxYX

แต่สำหรับใครที่ไม่อยากอ่านเยอะอ่านในรีวิวนี้กันได้เลยยยย

แต่ก่อนจะไปอ่านรีวิวเรามาเตรียมความพร้อมกันก่อนว่าไปอินเดียควรเตรียมอะไรไปบ้าง

สำหรับการเดินทางไปอินเดียเราเดินทางด้วยสายการบิน NokScoot บินตรงจากดอนเมืองไปลงสนามบินเดลี ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง ไม่ต้องกลัวว่านั่งนานแล้วจะเมื่อย เครื่องบินลำใหญ่นั่งสบาย ถ้าเอาหมอนรองคอไปด้วยนี่หลับได้เลย 555 ส่วนเรื่องราคาถูกมาก เริ่มต้นที่ 3,100 บาท เพราะ NokScoot เป็นสายการบินราคาประหยัดอยู่แล้ว แต่ถ้าจองช่วงโปรหรือหาช่วงเวลาดีๆอาจจะได้ถูกว่านี้ ตอนเราจองได้ไปประมาณ 2,900 บาท ( ตรวจสอบเที่ยวบินได้ที่ http://www.nokscoot.com ) 

#NokScoot  #บินไกลสบายกว่าราคาคุ้ม  #บินตรงเดลีกับนกสกู๊ต

สำหรับการเดินทางในเดลีและชัยปุระ เราเลือกที่จะเช่ารถพร้อมคนขับของ Ranthambore Tour Cab โดยการเดินทางที่สะดวกที่สุดก็เป็นวิธีนี้แหละลดเวลาในการหลงและงงในการเดินทางไปได้เยอะ 5555 เราเช่าไป 3 วัน สำหรับค่าใช้จ่ายจะอยู่ที่ 4,500 บาท ราคาต่อคนก็จะอยู่ที่ 1,500 บาท เฉลี่ยต่อวันก็จะอยู่ที่ 500 บาท/คน สำหรับเราถือว่าไม่แพงเลย

ก่อนมาเราระแวงมากว่าที่อินเดียอาหารมันจะกินได้ไหม จะอดตายหรือเปล่าถ้ากินไม่ได้ 55555 ทริปนี้เราเลยพก “โรซ่าพร้อม” มาด้วย

โรซ่าพร้อมเป็นอาหารพร้อมทานที่ทำจากวัตถุดิบอาหารจริงๆ บรรจุในซอง Retort Pouch ซึ่งจะมีคุณสมบัติพิเศษคือสามารถเก็บไว้ในอุณหภูมิปกติได้นานถึง 18 เดือน โดยไม่ต้องใส่วัตถุกันเสียและไม่ต้องแช่เย็นด้วย และการเอาไปเที่ยวด้วยก็คือง่ายมากเพราะขนาดซองเล็กและแข็งแรงเก็บใส่กระเป๋าเดินทางได้ง่ายๆเลย ส่วนตอนกินถ้าไม่มีไมโครเวฟก็ไม่มีปัญหาเพราะเราสามารถแกะซองและกินได้เลยทันที เป็นอะไรที่ง่ายมากกกก และใส่ส่วนของรสชาติต้องบอกว่าดีกว่าที่คิดมากๆ ตอนแรกคิดว่ารสชาติจะแย่แต่พอกินจริงๆคือโอเคเลย ที่เราชอบสุดก็จะเป็น สเต็กปลาทูน่ารสเผ็ด , แกงมัสมั่นไก่ , ไก่ผัดกะเพรา

สำหรับใครที่จะไปเที่ยวอินเดียแล้วกังวลเรื่องอาหารเราว่าพกติดตัวไว้ไม่เสียหาย ตอนเราไปอินเดียเราก็โอเคกับอาหารอินเดียนะ แต่บางมื้อก็ไม่ชอบก็ได้โรซ่าพร้อมนี่แหละช่วยไว้ 5555 ส่วนใครที่อยากทราบรายละเอียเพิ่มเติมไปกดที่ลิงก์นี้ได้เลย > http://rozaprompt.com/home

เตรียมความพร้อมกันเสร็จแล้วก็ไปดูกันเลยดีกว่าว่าทริปนี้เราไปที่ไหนกันมาบ้าง 

สถานที่ 1 – 9 เราจะเที่ยวอยู่ 2 เมือง คือ เดลี – ชัยปุระ

 

1. Amber Fort 

ป้อมอาเมร์หรือพระราชวังอาเมร์ ป้อมปราการขนาดใหญ่ บนภูเขาาเหนือทะเลสาป หนึ่งในสิ่งก่อสร้างที่ขึ้นชื่อของเมืองชัยปุระ บางรีวิวบอกว่าถ้าจะขึ้นไปด้านบนต้องนั่งรถจิ๊ปไม่ก็ขี่ช้างแต่ไกด์เราดีมากพาขึ้นไปส่งถึงด้านบน ละเดินขึ้นไปอีกนิดหน่อย ส่วนค่าเข้าวันที่เราไปฟรี เพราะตรงกับวันฮินดูของที่นั่นพอดี ปกติต้องเสียค่าเข้าคนละ 500 รูปี

 

2. Galta Ji Temple หรือ Monkey Temple
วัดของชาวฮินดูที่เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมสวยงาม ด้านบนมีบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวบ้านนิยมไปอาบน้ำและขอพรแต่ถ้าถามว่าเราจะอาบไหมตอบเลยว่า ไม่ 555555 และอีกหนึ่งจุดเด่นคือที่นี่เป็นวัดที่มีลิงเยอะมากกก โดยการเข้าไปเที่ยวข้างในจะมีไกด์คอยแนะนำ โดยเขาจะพาเราไปแบบเนียนๆโดยเรายังไม่ได้ขอ 55555 โดยตอนเที่ยวเสร็จเราจะให้ทิปเขาเท่าไหร่ก็แล้วต่เราเลย ให้นิดหน่อยพอนะ 555

ที่นี่ใครจะเอากล้อง โทรศัพเข้าไปต้องเสียเพิ่ม 50 รูปี/เครื่อง

 

3. Patrika Gate
ประตูเมืองสีพาสเทลกลางเมืองชัยปุระ ไม่ต้องอธิบายอะไรให้มากความ เอาเป็นว่าที่นี่โคตรสวย 5555 ไปถึงก็เข้าไปถ่ายด้านในและก็ออกมาถ่ายด้านนอก จบ 5555

 

4. Albert Hall Museum

เป็น Art Museum ด้านในจัดแสดงผลงานด้านศิลปะและวัฒนธรรมของเมืองชัยปุระ จริงๆแล้วที่นี่ไม่ได้อยู่ในแพลนเราเลยแต่เมื่อขับรถผ่านเห็นว่าสวยดีเลยแวะหน่อยละกัน 555 โดยสิ่งที่ดึงดูดใจเราก็คือตัวอาคารที่สวยมากบวกกับด้านหน้าที่มีนกพิราบอยู่โคตรเยอะ วิธีถ่ายให้สวยคือไปยืนกลางนกพิราบและให้เพื่อนอีกคนวิ่งไล่นก แล้วเราก็ถ่ายรัวๆไปเลย ภาพสวยแน่นอน 5555 แต่ครั้งนี้เราแวะแป่ปเดียวเลยไม่ได้เข้าไปด้านในนะ

 

5. Hawamahal & Wind View Cafe 

Wind View Cafe ที่นี่เป็นคาเฟ่ที่สามารถมองเห็น Hawamahal ได้แบบเต็มๆตา ซึ่งคาเฟ่อยู่ตรงข้ามกับhawamahalเลย ข้ามมถนนไปนิดเดียวก็ถึง จะมีคนคอยพาขึ้นไปแต่เราไม่จำเป็นต้องไปกับเขาก็ได้เพราะจะมีป้ายบอกให้เดินขึ้นไปเราก็เดินไปตามป้ายได้เลย ขึ้นไปถึงก็สั่งเครื่องดื่มที่ชอบแล้วมานั่งชิลๆด้านนอกพร้อมถ่ายรูปคูลๆ 5555

Hawamahal หรือชื่อไทยคือพระราชวังสายลม มีรูปทรงคล้ายรังผึ้งที่ถอดแบบมาจากมงกุฎพระนารายณ์ เป็นสีชมพูแดงเด่นกลางเมืองชัยปุระ ใครอยากเข้าไปด้านในก็สามารถซื้อตั๋วได้ แต่ของเราเน้นถ่ายรูปด้านหน้าก็พอแล้ว

 

6.City Palace

พระราชวังที่มีการผสมผสานสถาปัตยกรรมแบบราชปุตกับโมกุล มีความอลังและสวยงามมาก ถือเป็นแลนด์มาร์คสำคัญของการมาที่ชัยปุระเลยก็ว่าได้ ค่าเข้า city palace สำหรับชมรอบนอกอยู่ที่ 700 รูปี แต่ถ้าใครอยากชมห้องสีฟ้าห้องต่างๆ ราคาจะอยู่ที่ 3,500 รูปี พร้อมไกด์ ที่นี่มีเพ้นท์เฮนน่าด้วยในราคา 300 รูปี (เราไม่ได้เข้าห้องสีฟ้า)

 

7. Jaigarh Fort

พูดถึงป้อมปราการที่อินเดียก็ต้องบอกเลยว่ามีเยอะมาก ป้อมปราการแห่งนี้ก็เป็นที่ที่อยู่บนทางผ่านระหว่างไป Nagarah Fort สำหรับเราที่นี่ไม่ได้มีจุดเด่นอะไรมากมายนักแต่ว่าเป็นทางผ่านแวะเที่ยวสัก 30 นาทีก็ไม่เสียหาย เพราะถึงจะไม่มีจุดเด่นแต่ก็มีมุมสวยๆหลายมุมเหมือนกัน

8. Nagarah Fort

ถัดจาก jaigarh fort ก็จะมาเจอกับที่นี่ Nagarah Fort ป้อมปราการที่ตั้งสูงตระหง่านเหนือเมืองชัยปุระ ซึ่งอย่างที่เราบอกไปว่าป้อมปราการแต่ละที่จะมีจุดเด่นแตกต่างกันไป สำหรับที่นี่จุดเด่นก็คือเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงามมาก และอีกอย่างก็คือที่นี่เป็นป้อมปราการที่มีขนาดใหญ่มากเดินได้ไม่ทั่วอ่ะ 5555 การถ่ายรูปที่นี่ต้องดู Ref เยอะๆแล้วถามเจ้าหน้าที่ดูว่ามุมนี้อยู่ตรงไหนพอจะรู้ไหม เพราะมันใหญ่มากจริงๆถ้าเดินหาเองเราว่าหายากเลยแหละ 5555 มีมุมไหนบ้างไปดูกันเลย สำหรับค่าเข้าอยู่ที่ 200 รูปี

 

9. Agrasen ki baoli

ถ้าพูดถึวที่เที่ยวในเดลีที่เราอยากไปที่สุดเรายกให้ที่นี่เลย Agrasen ki baoli ในอดีตเป็นบ่อกักเก็บน้ำโบราณของเมืองนี้ แต่ปัจจุบันได้เปลี่ยนเป็นสถานที่เที่ยวที่สวยงามมากๆ ที่นี่สามารถเดินเข้าไปชมด้านในได้ด้วย แต่เราว่าไม่ค่อยมีอะไรก็เลยเลือกที่จะถ่ายอยู่ด้านนอก แต่วันที่เราไปเหมือนจะเป็นวันหยุดทำให้คนมาเที่ยวที่นี่กันเยอะมากการหามุมถ่ายรูปสวยๆเลยยากนิดนึง ถ้าใครจะมาแนะนำให้มาช่วงเช้าจะดีที่สุดเพราะคนน่าจะไม่เยอะแบบนี้ 555

หลังจากเที่ยวในเดลีและชัยปุระกันเสร็จสถานที่หลังจากนี้เราไปกันที่เมืองมะนาลี

10.Glampeco 

ที่พักกลางหุบเขาที่ตั้งอยู่ในเมืองมะนาลี (Manali) แห่งประเทศอินเดีย ที่พักที่นี่จะเป็นกึ่งโฮสเทลที่มีทั้งแบบนอนรวมและไพรเวท บรรยากาศในที่พักคือเป็นบ้านไม้ที่ทำขึ้นมาเองเหมือนไปนอนบ้านกลางป่าที่ต่างประเทศอ่ะ และเจ้าของที่นี่ก็ยังเป็นวัยรุ่นอยู่และเป็นกันเองมาก การไปพักที่นี่จึงได้ความรู้สึกเหมือนไปนอนบ้านเพื่อนอ่ะ 5555
.
จุดเด่นของที่นี่ก็คือคุณสามารถเห็นวิวเทือกเขาขนาดใหญ่ที่ล้อมรอบเมืองมะนาลีได้จากที่พัก ไม่ว่าจะตอนตื่นนอน หรือตอนกินข้าว คุณก็จะเห็นวิวสวยๆแบบนี้ตลอดเวลา 55555 ยิ่งถ้าใครมาเที่ยวช่วงหน้าหนาวหิมะจะปกคลุมที่นี่จนกลายเป็นเมืองหิมะไปเลย บอกเลยว่าโคตรสวย แต่ช่วงที่เราไปไม่ใช่ช่วงหิมะภูเขาที่นี่ก็จะเป็นสีเขียวซึ่งสวยไปอีกแบบ
.
เราจองเป็นห้อง private room ไปราคาคืนละ 518 บาท นอนได้สองคน เสริมเตียงคิดเพิ่มอีก 500 รูปี หรือประมาณ 215 บาท เฉลี่ยแล้วไปกันสามคนตกคนละไม่เกิน 250 บาท/คืน (ไม่รวมราคาอาหารต่างๆในที่พัก)
.
ส่วนอาหารตลอดสามวันนี้เราฝากท้องไว้กับที่พักอย่างเดียวเลย จัดเต็มทุกมื้อ อร่อย มีเมนูให้เลือกเยอะ และที่สำคัญราคาถูกมาก 3 วัน 2 คืน ค่าอาหารเราจ่ายไปแค่คนละ 340 บาทเท่านั้น เฉลี่ยแล้วคือวันละร้อยกว่าบาท ไอเหี้ยยย ถูกกว่าตอนอยู่ไทยอีก 55555
.
สรุป 3 วัน 2 คืน เราไปกันสามคน ค่าที่พัก + ค่าอาหาร เราจ่ายไปทั้งหมด 1,040 บาท/คน เท่านั้น ไม่เคยพักที่ไหนถูกขนาดนี้มาก่อนพูดจริง และที่สำคัญแม่งไม่ได้ถูกอย่างเดียวเสือกดีด้วยนี่ดิ เราถือว่านี่เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ต้องไปก่อนตาย 55555

พิกัดที่พัก
Facebook : Glampeco
Website : glampeco.com
airbnb : th.airbnb.com/rooms/32585568

ไปดูวิวที่พักกันบ้างดีกว่า

ช่วงหิมะตกบอกเลยว่าสวยมาก

ข้างๆที่พักมีร้านอาหารเล็กๆอยู่ด้วย นมร้อนอร่อยและวิวก็สวยมากกก

 

11.Hampta Pass

วันนี้เป็นวันที่สองของการอยู่ที่ Manali ซึ่งแน่นอนว่าเราคงจะไม่นั่งเฉยๆอยู่ที่พักแน่ๆ 5555 วันนี้เราจะไป hike กันที่ Hampta Pass เป็นเส้นทางเดินป่าที่อยู่ในหุบเขา kullu ของเราเลือกที่จะ hike สั้นๆแบบ one day trip ถึงแค่จุด Jobra ทางชันน้อยเดินค่อนข้างง่าย ที่ยากคือตอนนเราไปฝนตกทั้งวัน ทางลื่นน จากที่หนาวอยู่แล้วยิ่งหนาวไปใหญ่ แต่ถ้าใครอยากจะเทรคยาวๆก็ไปต่อได้ถึง Chandratal Lake เลย แต่หลังจากจุด Chikka ทางจะเริ่มชันมากละะะ (แต่สำหรับใครที่เป็นมือใหม่หรืออยากชิลๆเราแนะนำให้ไปแค่จุด Jobra ก็สวยมากแล้ว)

จากที่พักของเราสามารถเดินไปได้ถึง Hampta Pass ไปกลับก็ประมาณ 17 กิโล วิวระหว่างทางคือว้าวมากๆ เดินถ่ายรูปชิลๆแปปเดียวก็ถึง5555 แนะนำให้เตรียมเมมสำรองไปด้วย 555 และที่นี่สามารถไปได้ด้วยตัวเองไม่ต้องจ้างไกด์เลย โฮสเจ้าของบ้านจะคอยแนะนำเส้นทางเราเอง เดินตามทางไปเรื่อยๆ ไม่ต้องกลัวหลง ไปไม่ยาก หรือถ้าใครไม่อยากไปก็สามารถเดินเล่นอยู่แถวๆที่พักได้ แค่วิวแถวๆที่พักก็สวยแล้ววววววนี่พูดจริงงง

 

12.Solang Valley

วันสุดท้ายของการอยู่ที่นี่ วันนี้เราจะเหมารถไปเที่ยวที่ Solang Valley กันก่อนกลับ เราให้ทางที่พักเรียกแท๊คซี่ให้ ได้มาในราคา 2500 รูปี หรือประมาณ 1052 บาท ที่ Solang เราสามารถเห็นวิวภูเขาหิมะได้ใกล้และชัดเจนมากก (ขนาดตอนเราไปตอนไม่หนาวยังเห็นขนาดนี้ ถ้าไปหนาวหิมะเต็มพื้นแน่นอน 555)

นอกจากความสวยงามของภูเขาน้ำแข็งที่นี่ยังมีกิจกรรมให้ทำค่อนข้างเยอะ มี paragliding , ขับ atv , ขึ้นกระเช้าไปชมวิวด้านบน หรือถ้าใครมาช่วงหน้าหนาว ที่นี่จะเปลี่ยนเป็นลานสกี มีหิมะคลุมทั่ว สามารถมาเล่นสกี สโนบอร์ดฟินๆที่นี่ได้เลยยย

วิวสวยบรรยากาศดีแบบนี้มันเหมาะที่จะกินมื้อเที่ยงมากๆ เราก็เลยปิกนิกที่นี่เลยละกัน 55555

และอย่างที่บอกว่าโรซ่าพร้อมสามารถกินได้ทุกที่ทุกเวลา

แค่แกะซองก็สามารถกินได้เลยทันที บอกเลยว่าง่ายและสะดวกมาก

สำหรับสิ่งที่ทุกคนรอมานานก็คือค่าใช้จ่ายนี่แหละโดยทริปนี้ 7 วัน 6 คืน เราใช้ไปทั้งหมด 16,000 บาท (รวมตั๋ว)
แบ่งเป็นค่าใช้จ่ายดังนี้ (เราขอรวมเป็นตัวเลขกลมๆนะอาจจะมีเศษบ้างแต่เราขอปัดให้มันลงตัวจะได้เข้าใจง่ายๆ)

ค่าตั๋วเครื่องบิน NokScoot :  6,000 บาท 

จ่ายก่อนไปอินเดีย  : 2,000 บาท
– ค่าซิม 130 บาท/คน (เราเอาไปซิมเดียวแล้วแชร์เน็ตกัน)
– ค่าวีซ่า 760 บาท/คน (อายุ 30 วัน เข้า/ออกประเทศได้ 2 ครั้ง) นี่เป็นราคาอัพเดทล่าสุด โดยสามารถสมัครทาง online ได้ด้วยตัวเอง
– ค่ารถบัสไป-กลับ มะนาลี 1,150 บาท/คน

เงินที่เอาไปอินเดีย  :  8,000  บาท
– ค่ารถเช่าพร้อมคนขับเดลีและชัยปุระ 1,500 บาท/คน
– ค่าเข้าสถานที่ต่างๆ 1,000 บาท/คน
– ค่า Taxi ขึ้น Glampeco มะนาลี  210 บาท/คน
– ค่า Taxi ไป solang และไปส่งขึ้นรถบัส 350 บาท/คน
– ค่าที่พัก + อาหาร Glampeco 3 วัน 2 คืน 1,040 บาท/คน
– ค่าที่พักชัยปุระ 2 คืน + เดลี 1 คืน รวม 1,000 บาท/คน
– ค่ากินในเดลีและชัยปุระ 2,500 บาท/คน
– อืนๆ 400 บาท/คน

 

รวม 16,000 บาท/คน

จบไปแล้วสำหรับรีวิวสรุปแบบสั้นๆของ 12 สถานที่ในอินเดียที่เราได้ไปมา
ใครอยากอ่านแบบละเอียดตามไปอ่านได้เลยตามลิงก์ด้านล่าง
รีวิว Ep.1 เดลี – ชัยปุระ ไปอ่านได้ที่นี่ : https://bit.ly/2OdbPDh
รีวิว Ep.2 มะนาลี ไปอ่านได้ที่นี่ : https://bit.ly/37HFxYX

อ่านเสร็จแล้วชอบอะไรไม่ชอบอะไรก็บอกกันได้น่าาและฝากติดตามรีวิวใหม่ๆของเราได้ที่นี่เลย : เที่ยวก่อนตาย Bucket list TH