สุรินทร์ – อุบลราชธานี : ทริปเดียวเที่ยว 2 จังหวัด / ตักบาตรบนหลังช้างที่สุรินทร์ / ชมประเพณีแห่เทียนพรรษาที่อุบล

ช่วงปลายเดือนกรกฎาที่ผ่านมาเรามีโอกาสได้ไปเที่ยวในจังหวัดทางภาคอีสานของประเทศไทย แต่ครั้งนี้เราไม่ได้ไปเที่ยวแค่จังหวัดเดียว ทริปนี้เราไปครั้งเดียวแต่เราไปเที่ยวกันถึง 2 จังหวัด นั่นคือ จ.สุรินทร์ และ จ.อุบลราชธานี และวันที่เราไปยังมีงานประเพณีสำคัญของทั้งสองจังหวัด ถือว่าเป็นโอกาสดีมากที่เราได้มาเที่ยวช่วงนี้เพราะหนึ่งปีจะมีแค่ครั้งเดียว นั่นก็คือ ประเพณีตักบาตรบนหลังช้างที่มีเพียงที่เดียวในโลกอยู่ที่ จ.สุรินทร์ และ ประเพณีแห่เทียนพรรษา จ.อุบลราชธานี บอกเลยว่าเป็นงานแห่เทียนที่ยิ่งใหญ่มาก แค่นี้ยังไม่หมดเพราะยังมีที่เที่ยวอื่นๆอีกหลายจุดที่เราไปเที่ยวมา ไปดูกันดีกว่าว่าทริปนี้เราไปที่ไหนกันบ้าง….

ประเพณีตักบาตรบนหลังช้าง จ.สุรินทร์

เราเริ่มต้นกันที่งานประเพณีตักบาตรบนหลังช้าง จ.สุรินทร์ โดยงานมีในวันที่ 27 ก.ค. 2561 ซึ่งจะทำการตักบาตรกันในช่วงเช้า (แน่นอนว่าไม่มีที่ไหนตักบาตรช่วงเย็น 55555) งานจัดที่ อนุสาวรีย์พระยาสุรินทรภักดีศรีณรงค์จางวาง ซึ่งบอกเลยว่างานนี้คนเยอะมากกกก ไม่ว่าจะเป็นคนในจังหวัด คนต่างจังหวัด หรือแม้แต่คนต่างชาติก็มาเที่ยวกัน เพราะประเพณีตักบาตรบนหลังช้าง จ.สุรินทร์ มีเพียงที่เดียวในโลก และหนึ่งปีจะมีเพียงหนึ่งครั้ง เป็นอีกหนึ่งประเพณีของไทยที่ชีวิตนี้ต้องไปก่อนตาย

การตักบาตรบนหลังช้างหลายคนอาจจะสงสัยว่าจะตักยังไงช้างก้มตัวลงมาหรือใช้วิธีไหน ก่อนไปร่วมงานเราก็สงสัยเหมือนกัน 555 เราขอตอบตามภาพที่เราถ่ายไว้เลยก็คือที่งานจะมีเป็นอัฒจรรย์ที่สำหรับให้คนขึ้นไปด้านบนโดยต่อคิวกันขึ้นไปและช้างก็จะเดินผ่าน คนที่อยู่ด้านบนก็ทำการตักบาตรได้เลย เสร็จแล้วก็ลงมาแล้วคนถัดไปก็ขึ้นไปตักบาตรต่อ

สำหรับคนที่มาร่วมงานบางคนอาจจะกลัวว่ามาแล้วจะไม่ได้ตักบาตรเพราะคนเยอะ เราบอกเลยว่าไม่ต้องกลัวเพราะช้างที่มางานมีหลายเชือก มีอัฒจรรย์สำหรับตักบาตรหลายจุด และช้างจะเดินวนหลายรอบจนทุกคนได้ตักบาตร ไม่ว่ายังไงก็ได้ตักบาตรครบทุกคนแน่นอน

จะเห็นได้ว่าคนมาร่วมงานกันเยอะมาก ที่เราถ่ายมาเป็นแค่ส่วนเล็กๆเท่านั้น

หลังจากที่เราตักบาตรและถ่ายรูปกันจนพอใจแล้วเราก็ไปเที่ยวที่อื่นกันต่อ ไปดูกันดีกว่าว่าสุรินทร์มีที่ไหนน่าเที่ยวบ้าง

วนอุทยานแห่งชาติพนมสวาย

ถ้าปกติมาเที่ยวสุรินทร์สิ่งที่ทุกคนคิดถึงก็คือไปดูช้าง ไปเที่ยวหมู่บ้านช้าง แต่เราคิดว่าครั้งนี้อยากไปอะไรแต่งต่างไปจากเดิมบ้าง หาที่เที่ยวไปเรื่อยๆแล้วก็เจอที่นี่ วนอุทยานแห่งชาติพนมสวาย ที่นี่เป็นที่ตั้งของวัดพนมสวายและเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธสุรินทรมงคล ซึ่งเป็นพระพุทธรูปสีขาวปางประทานพร ซึ่งการที่จะขึ้นไปกราบไหว้จะต้องออกแรงขากันนิดหน่อย 555 เพราะพระพุทธสุรินทรมงคลประดิษฐานอยู่ที่เขาชาย ซึ่งเราต้องเดินขึ้นบันไดประมาณ 200 ขั้น ไม่ต้องกลัวเหนื่อยนะเดินนิดเดียวก็ถึง 555 และที่สำคัญคือบันไดทางขึ้นถ่ายรูปสวยมากกก

เดินแป่ปเดียวไม่ทันได้เหงื่อก็มาถึงแล้ว

หลังจากกราบไหว้พระพุทธสุรินทรมงคลเรียบร้อยแล้วก็อย่าเพิ่งรีบกลับเพราะมีอีกจุดที่สวยมาก เรียกได้ว่าเรามาที่นี่ส่วนหนึ่งเพราะจุดนี่แหละ เราเดินอ้อมหลังพระพุทธสุรินทรมงคลซึ่งจะมีทางเดินอยู่เราก็จะเจอกับจุดชมวิวแบบในภาพที่เราถ่ายมา บอกเลยว่าวิวดีมากก ถ้าไม่ต้องไปที่อื่นต่อเราอยากจะนั่งตรงนี้ไปนานๆเลย ลมดี วิวสวย ต้นไม้ร่มรื่น ให้หลับยังได้เลย 55555

จบไปแล้วสำหรับวนอุทยานแห่งชาติพนมสวาย ไปจุดต่อไปกันเลยดีกว่า

 

ปราสาทศีขรภูมิ

ปราสาทศีขรภูมิ เป็นอีกหนึ่งปราสาทหินของ จ.สุรินทร์ ที่นี่ถือว่าเป็นปราสาทที่สวยและยังสมบูรณ์อยู่มากสำหรับใครที่ชอบประวัติศาสตร์หรือชอบโบราณสถานจะต้องชอบที่นี่มากแน่ๆ สำหรับเราจริงๆเราเฉยๆกับเรื่องประวัติศาสตร์ยังรู้สึกเลยว่าที่นี่สวยมากถึงแม้ว่าขนาดจะไม่ได้ใหญ่แบบปราสาทหินที่อื่น แต่เรื่องความสวยงามและความสมบูรณ์เราว่าที่นี่ไม่เป็นสองรองใครแน่นอน

 

 

ทะเลสาบทุ่งกุลาร้องไห้

ถ้าอยากหาสถานที่พักผ่อนที่ได้ทั้งความชิลและความสนุก เราว่าที่นี่เปนอีกหนึ่งที่ที่น่าสนใจในจังหวัดสุรินทร์ ไม่ว่าจะไปกับเพื่อนหรือไปกับครอบครัวก็ชิลได้เหมือนกัน ที่นี่คือ ทะเลสาบทุ่งกุลาร้องไห้ ที่นี่เป็นจุดพักผ่อนที่จะได้ทั้งความชิลและความสนุกไปพร้อมๆกัน ความชิลก็คือเรามาเที่ยวที่นี่สิ่งที่เราต้องทำก็คือการเช่าแพโดยแต่ละเจ้าราคาก็จะไม่เท่ากัน ราคาคาจะอยู่ที่ประมาณ 300 – 500 บาท มีทั้งแบบเช่าเป็นรายชั่วโมงและเช่าเหมาทั้งวัน ต้องบอกเลยว่าบรรยากาศดีมากกก ยิ่งมาช่วงบ่ายๆนะลมเย็นมากและในแพยังมีเปลอีกถ้านอนเล่นๆแล้วหลับก็คงไม่แปลก บอกเลยว่าโคตรชิล 5555

 

และเรื่องอาหารการกินยิ่งไม่ต้องห่วงเพราะบนบกจะมีร้านขายอาหารเต็มไปหมดราคาก็ไม่แรง ราคาพอๆกับร้านอาหารปกติ อยากกินอะไรก็สั่งได้เลย เราจำไม่ได้ว่าเราสั่งร้านไหน แต่ไก่ย่างอร่อยมากกก

มาพูดถึงเรื่องความสนุกกันบ้างดีกว่า ถ้าอยากสนุกแบบนิดหน่อยก็กระโดนน้ำเล่นหน้าแพกันได้เลย หรืออยากสนุกแบบชิลๆก็เช่าห่วงยางมานอนเล่นในน้ำ

แต่ถ้าอยากสนุกแบบจัดเต็มก็นี่เลยบานาน่าโบ๊ท สนุกสะใจแน่นอน 55555

แต่สำหรับเราวันนี้ไม่ค่อยอยากตัวเปียกสักเท่าไหร่เลยไม่เล่นดีกว่าขอชิลๆละกัน 555 หลังจากนั่งชิลๆกันจนพอใจเราก็ไปที่อื่นกันต่อซึ่งเป็นสถานที่สุดท้ายของเราสำหรับจังหวัดสุรินทร์ไปดูกันดีกว่าว่าคือที่ไหน

 

ตั้งถาวรฟาร์ม

สุรินทร์ก็มีฟาร์มเมล่อนนะ รู้หรือยัง ? สำหรับใครที่มาสุรินทร์แล้วเป็นคนชอบเมล่อนเราแนะนำที่นี่เลย ตั้งถาวรฟาร์ม มีเมนูเมล่อนให้เลือกหลายเมนู ไม่ว่าจะเป็นไอศกรีมเมเล่น เมล่อนปั่น เมล่อนสดสายพันธุ์ต่างๆ และยังมีเมนูอาหารและอื่นๆให้เลือกอีกเยอะเลย และที่นี่เรายังสามารถเดินเข้าไปดูและถ่ายรูปสถานที่เพาะพันธุ์เมล่อนได้ด้วย ใครชอบเมล่อนห้ามพลาดเด็ดขาด

และก็จบไปแล้วสำหรับที่เที่ยวต่างๆในจังหวัดสุรินทร์ ต่อไปเราไปดู จ.อุบลราชธานี กันบ้างดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง

ประเพณีแห่เทียนพรรษา จ.อุบลราชธานี 

ประเพณีแห่เทียนพรรษา จ.อุบลราชธานี  งานมีในวันที่ 28 ก.ค. 2561 จัดที่ทุ่งศรีเมือง ถ้าพูดถึงงานแห่เทียนพรรษาหลายๆคนคงจะเฉยๆและก็คงสงสัยว่าทำไมต้องไปอุบลที่อื่นก็เหมือนๆกัน ตอนแรกก่อนไปร่วมงานเราก็คิดแบบนี้เหมือนกัน แต่เมื่อได้มาร่วมงานทำให้ความคิดเราเปลี่ยนไป คืองานแห่เทียนพรรษาของที่นี่จัดได้ยิ่งใหญ่มากกก ขบวนแห่บอกเลยว่าโคตรยาว แล้วคือจะมาร่วมงานที่นี่ถ้ามาช้าจะพลาดมากเพราะคนมาร่วมงานเยอะจริงๆ ที่นั่งที่จัดไว้ให้คนที่มาชมงานเต็มทุกที่นั่ง อย่าว่าแต่ที่นั่งเลย ขนาดที่ยืนยังแทบไม่มี 55555

เทียนที่ถูกแกะสลักและนำมาแห่ในขบวนเราไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองว่าคนธรรมดาจะสามารถแกะสลักออกมาได้สวยขนาดนี้ ไม่ว่าจะขนาดเล็กหรือใหญ่ก็สวยไปหมด นี่ถ่ายภาพไปแล้วมาซูมดูจุดต่างๆคือคมมากงานละเอียดสุดๆ บอกได้เลยว่าแต่ละวัด แต่ละชุมชนร่วมมือกันสร้างงานศิลปะแบบนี้ออกมาอย่างสุดฝีมือเพื่อมาจัดแสดงในงานครั้งนี้

ไปดูภาพกันดีกว่าว่าจะสวยขนาดไหน

แต่ละวัดก็จะมีคอนเซ็ปในการแกะสลักที่แตกต่างกันไปแต่ทุกๆอย่างจะเกี่ยวโยงกับศาสนาพุธ ทุกการแกะสลักล้วนมีความหมาย

สำหรับภาพนี้เราชอบมากเป็นพิเศษ 5555 อาจจะไม่ได้มีขนาดใหญ่แบบคนอื่นแต่เล่นใหญ่มาก ระหว่างการแห่มีการปล่อยควันออกมาด้วยอลังการสุดๆ 5555

นอกจากการแห่เทียนแล้วก็จะมีการเดินขบวนของชุมชนและองกรค์ต่างๆ ซึ่งจะมีการแสดงที่แตกต่างกันไปทำให้การดูขบวนแห่เทียนมีความหลากหลายและไม่เบื่อเลยที่จะดูจนจบ

ที่จะบอกอีกอย่างคือวันที่เราไปมีฝนตกด้วย แต่ไม่ได้ทำให้คนดูลดน้อยลงไปเลยเพราะงานนี้เป็นประเพณีสำคัญที่มีเพียงปีละหนึ่งครั้งเท่านั้นยังไงก็ต้องดูให้ได้

หลังจากดูงานจนเสร็จแล้วเราก็ไปเที่ยวที่อื่นกันต่อ ถึงแม้ฝนจะยังตกอยู่แต่เราก็จะเที่ยวต่อ 555 แต่ก่อนที่เราจะกลับเราเดินเข้าไปที่ศาลหลักเมือง ก็ได้เห็นว่ามีกิจกรรมต่างๆให้คนที่สนใจลองไปศึกษากันได้ไม่ว่าจะเป็นการทอผ้าหรือการแกะสลักซึ่งเป็นกิจกรรมที่น่าสนใจมาก ถ้าเราไม่ไปที่อื่นต่อคงจะลองแกะสลักดูดูสักครั้งเหมือนกัน 555

น้ำตกสร้อยสวรรค์

ถ้าพูดถึงที่เที่ยวใน จ.อุบลราชธานี แน่นอนว่า 90% ต้องนึงถึงสามพันโบก แน่นอนว่าเราก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่มาเที่ยวสุรินทร์หน้าฝนเราไม่สามารถเที่ยวที่สามพันโบกได้เพราะน้ำมันจะขึ้นจนท่วมทำให้เราไม่สามารถเที่ยวได้ แต่อุบลยังมีอะไรที่น่าสนใจอีกเยอะมากหนึ่งในนั้นก็คือน้ำตกซึ่งในอุบลก็มีน้ำตกให้เลือกเที่ยวเยอะมากกก ครั้งนี้เราเลือกไปเที่ยว 2 ที่ ที่แรกก็คือ น้ำตกสร้อยสวรรค์ เนื่องจากที่นี่เกิดจากลำน้ำห้วยสร้อยและลำน้ำแซไผตกลงจากยอดเขาแล้วไหลมารวมกัน มองดูเหมือนสร้อยจึงถูกเรียกว่า “น้ำตกสร้อยสวรรค์” ไปดูภาพที่นี่กันดีกว่า (เนื่องจากฝนตกหนักขึ้นเรื่อยๆ เราจึงต้องรีบถ่ายและรีบไป ภาพเลยอาจจะมีน้อยไปหน่อย และเมื่อฝนตกน้ำที่นี่ก็ไหลแรงมาก แต่เราว่าแบบนี้ก็สวยไปอีกแบบ)

น้ำตกแสงจันทร์

อีกหนึ่งน้ำตกที่เราไปในทริปนี้ก็คือ น้ำตกแสงจันทร์ เหตุผลที่ได้ชื่อนี้ก็เพราะว่าที่นี่มีน้ำไหลออกมาจากรูลงมาเป็นสายสีขาวเหมือนแสงของดวงจันทร์ที่ทะลุผ่านเข้ามา และที่นี่ยังมีอีกชื่อก็คือ น้ำตกลงรู สำหรับที่นี่เราชอบมากก อยากมาที่นี่นานละ แต่วันที่เรามาซวยอีกแล้วฝนตกยังไม่หยุดเลย 5555 ทำให้น้ำที่ออกมาเยอะกว่าปกติมุมถ่ายรูปก็น้อยลงและน้ำก็แรงเกินไปด้วย 5555 แต่ยังไงที่นี่ก็ยังสวยสำหรับเราอยู่ดี และเราว่านี่แหละมันคือเสน่ห์ของธรรมชาติ ไว้คราวหน้าเราจะกลับมาแก้มือ 5555

หลังจากที่เราเที่ยวน้ำตกกันเสร็จแล้วอย่าคิดว่าฝนจะหยุดเราได้ ที่ต่อไปเราไปเข้าวัดกันบ้างดีกว่า

 

วัดพระธาตุหนองบัว

จริงๆแล้ววัดที่เราอยากไปสุดก็คือ วัดสิรินธรวรารามภูพร้าว หรืออีกชื่อก็คือ วัดเรืองแสง แต่ที่นี่จะสวยที่สุดต้องไปตอนกลางคืน แต่เรามาคิดดูแล้วว่าไปช่วงวันหยุดยาวคนเยอะแนะนอนคงไม่ได้ถ่ายง่ายๆ เราเลยเปลี่ยนใจค่อยกลับมาเที่ยวครั้งหน้า ครั้งนี้เราเลยไปกันที่ วัดพระธาตุหนองบัว ถึงที่นี่จะไม่เรืองแสงแต่ความสวยงามของที่นี่ไม่แพ้ที่ไหนแน่นอนโดยเฉพาะ พระธาตุเจดีย์ศรีมหาโพธิ์ พระธาตุองค์สีขาวลวดลายสีทองรวมกันแล้วทำให้องค์พระธาตุสวยงามมาก

และก่อนที่เราจะจบทริปนี้เราไปกันที่จุดสุดท้าย สำหรับจุดนี้เราไม่เที่ยวละ แต่ขอหาอะไรอร่อยๆกินและนั่งชิลๆก่อนกลับ

Doppio Cafe

ก่อนเราจะกลับเราก็มีเวลาเหลืออยู่พอสมควรเลยหาคาเฟ่นั่งชิลๆก่อนกลับ เราก็ไปเจอกับร้านนี้ Doppio Cafe เหตุผลที่เราเลือกร้านนี้เพราะร้านนี้น่านั่งมากและอีกอย่างคือมีเมนูเค้กฝอยทองด้วย ไม่คิดว่าอุบลจะมีด้วยและอีกอย่างคือที่นี่ใกล้สนามบินมาก เราเลยไปกันที่ร้านนี้ ขนมและเครื่องดื่มที่ร้านก็ไม่แพงเลยราคาเหมือนคาเฟ่ปกติแต่แต่งร้านได้น่านั่งมาก และอีกอย่างเลยที่จะขอแนะนำก็คือพี่ที่ร้านใจดีมากเราจะยกแก้วไปถ่ายรูปเขาก็จะมาช่วยยก ช่วยหาแท็กซี่ให้ด้วย ถ้าบ้านอยู่แถวนั้นจะไปนั่งทุกวันเลย 5555 ยังไงถ้าใครไปเที่ยวอุบลแล้วอยากหาคาเฟ่นั่งชิลๆก่อนกลับเราแนะนำร้านนี้เลยไม่ผิดหวังแน่นอน

 

และก็จบไปแล้วสำหรับทริปนี้ ติดตามรีวิวใหม่ๆของเราได้ที่นี่เลย : เที่ยวก่อนตาย Bucket list TH