“อินโดนีเซีย” ประเทศนี้ต้องไปก่อนตาย !!!
ประเทศนี้มีหลายอย่างให้เราเข้าไปค้นหาโดยเฉพาะธรรมชาติที่โคตรสวย ที่เมื่อคุณเห็นแล้วต้องอ้าปากค้าง
และด้วยค่าใช้จ่ายที่ไม่แพงก็สามารถทำให้คุณได้ไปพบกับความมหัศจรรย์ของธรรมชาติได้ไม่ยาก
จึงทำให้เราพูดได้เต็มปากว่าประเทศนี้ “ต้องไปเที่ยวก่อนตาย”
ทริปนี้เราไปมา 7 วัน เป็นทริปธรรมชาติที่จะทำให้คุณหลงรักประเทศนี้
ซึ่งเราจะทำออกมาทั้งหมด 2 Ep. ยังไงก็ฝากติดตามกันด้วยน่าา
EP.1 KOMODO – BALI
สำหรับ Ep.1 การเดินทางของเราจะแตกต่างจากทริปเที่ยวอินโดที่เคยเห็นกันนิดหน่อย ปกติที่เห็นบ่อยๆเขาก็จะไปกันสามที่เที่ยว คือ Bali – Kawah Ijen – Bromo แต่ทริปนี้เราอยากเพิ่มไปอีกหนึ่งจุดซึ่งเหตุผลเดียวเลยที่เราอยากไปที่นี่เพราะไปเห็นภาพวิวที่สวยสัสๆของฝรั่งซึ่งที่นั่นก็คือ Padar Island ถ้าอยากรู้ว่าที่นี่มีอะไรบ้างทำไมต้องไปก็ตามมาอ่านกันเลยยย
Day 1
วันแรกเราเดินทางจากสนามบินดอนเมืองไปที่สนามบินบาหลี (ท่าอากาศยานนานาชาติเดนปาซาร์) ใช้เวลาเดินทางนานแค่ไหนไม่รู้เพราะกูหลับยาวเลยจ้า 55555 และเราก็ไปถึงบาหลี เราลงไปเหยียบบาหลีไม่ถึง 2 ชม. ก็ต้องเดินทางต่อไปที่ ลาบวนบาโจ ซึ่งเป็นเมืองที่เราต้องไปพักก่อนที่จะต้องนั่งเรือไปเที่ยวที่ Komodo Island และเกาะอื่นๆ การเดินทางไป ลาบวนบาโจ เท่าที่ลองหาข้อมูลดูเหมือนจะไปได้สองทางคือทางเรือและทางเครื่องบิน ( เพื่อไม่เป็นการเสียเวลาเราแนะนำว่านั่งเครื่องเหอะ 5555) เรานั่งของสายการบิน Nam Airlines เป็นเครื่องบินลำเล็ก ตอนเราไปก็ไม่มีปัญหาอะไรนะ แต่ที่นั่งเล็กสัสๆ 5555 ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชม. ราคาตั๋วเครื่องบินจากบาหลีไปลาบวนบาโจ ราคาอยู่ที่เที่ยวละประมาณ 2,600 บาท จองได้ในแอพจองตั๋วเครื่องบินทั่วไปเลย และยังมีสายการบินให้เลือกอีกนะก็ลองเลือกกันดูเองได้เลย ( จะบอกว่าลาบวนบาโจเวลาจะเร็วกว่าไทย 1 ชม. )
เมื่อเดินทางมาถึงลาบวนบาโจสิ่งแรกที่เราเจอเมื่อเดินเข้าสนามบินก็คือรูปปั้นเหี้ยยักษ์ ถุยยยย 5555 มันคือมังกรโคโมโดโว่ยยย ซึ่งก็ตามชื่อเกาะเลยเป็นสัตว์ขึ้นชื่อของที่นี่ แต่ที่เรามาที่นี่เราไม่ได้มาหาเจ้าพวกนี้นะ 5555 เพราะที่ไทยก็มีพวกที่หน้าตาคล้ายๆเจ้าพวกนี้เยอะอยู่แล้ว 5555 และเมื่อเดินออกจากสนามบินก็จะมีแท็กซี่เป็นกองทัพมารุมถามเราว่าจะไปไหน เราก็ต้องต่อราคาไปเลย เราบอกไป 20,000 รูเปียห์ เป็นเงินไทยก็ประมาณ 45 บาท จริงๆลองต่อราคาเยอะกว่านี้อีกก็ได้ ไปลุยกันดู 55555
นั่งไปสักพักก็ไปถึงที่พักของเรา เท่าที่สังเกตุที่นี่เป็นสถานที่ชนบทไม่มีรถประจำทางการเดินทางน่าจะมีแค่สองทางนะจากที่เราสังเกตุก็คือแท็กซี่และเช่ารถขับ แต่เราไม่ได้เช่าสำหรับทริปนี้ เมื่อไปถึงก็เข้าที่พัก ออกไปหาทัวร์สำหรับเที่ยวพรุ่งนี้ซึ่งทัวร์จะมีให้เลือกหลายแพ็คเกจและที่เราเลือกก็คือ padar island, komodo , pink beach , manta เราอยากไปแค่สองที่ก็คือ padar island และ pink beach เท่านั้น ราคาทัวร์อยู่ที่ 450,000 รูเปียห์ ประมาณ 1,050 บาท หลังจากได้ทัวร์แล้วเราก็ไปหาอะไรกินซึ่งร้านมีให้เลือกเยอะนะ แต่ร้านอะไรบ้างไม่รู้ และไม่รู้คิดไงไปกินร้านข้าวราดแกงของอินโดแล้วพลาดมากก คืออาหารเหมือนทำตั้งแต่ตอนเช้าอ่ะกินไปเลยรสชาติเหี้ยหน่อยๆ แต่ด้วยความหิวเลยกินแม่งเกือบหมดเลย 55555 แล้วก็กลับมาที่พักเตรียมลุยต่อพรุ่งนี้ เท่าที่เราเดินดูนะเมืองนี้แบบจะดูเหงาๆเปลี่ยวๆหน่อย ก็เป็นเมืองชนบทอ่ะ ถ้ามาเที่ยวคนเดียวมันก็จะวังเวงหน่อยๆ 5555
Day 2
สำหรับวันนี้เราต้องไปทัวร์กันแล้ว ตื่นเช้ามาก็ไปที่ร้านทัวร์เพื่อรับอุปกรณ์ดำน้ำและก็ไปที่ท่าเรือเตรียมเดินทาง ซึ่งเรือที่จะพาเราไปวันนี้ก็เป็นตามภาพด้านล่างเลย
ลงเรื่อได้แป่ปนึงเราก็เริ่มเดินทางกัน อยากจะบอกว่าวิวระหว่างทางแม่งสวยสัส ไม่เหมือนที่ไทยเลย ว้าวกับวิวตลอดทางและระหว่างทางโคตรโชคดีเห็นปลาโลมาด้วย แต่ถ่ายไม่ทันเสียดายยยย แต่เราจดจำไว้ในสายตาแล้ว ง้อววววววว 5555555
นั่งไปไม่นานก็ถึ… ถุ้ยยยย ไม่นานก็บ้าแล้วนั่งนานมากกกก เราก็เดาไปเรื่อยระหว่างทางว่าเกาะไหนคือเกาะที่เราจะแวะเที่ยว เพราะรูปทรงคล้ายๆกันทั้งนั้น 55555 แต่สุดท้ายยยยย เราก็ถึงกันแล้วววว padar island
Padar island
สิ่งแรกที่เรารู้สึกได้ก็คือที่นี่แม่งร้อนสัสสสสสส ร้อนแบบโคตรร้อนอ่ะ 555555 สำหรับที่นี่เราไม่รู้จะอธิบายลักษณะภูมิประเทศออกมายังไงดี อธิบายง่ายๆก็คือมันเป็นภูเขาที่มีแฉกๆเป็นอ่าวหลายๆอ่าว ซึ่งถ้าถ่ายด้วยโดรนหรือมุมบนสุดของเขาลูกนี้จะเห็นวิวที่สวยสัสๆ ซึ่งเราต้องเดินขึ้นไปยังจุดชมวิวบนสุดใช้เวลาประมาณ 30 นาที จริงๆไม่เหนื่อยแต่เพราะอากาศที่โคตรร้อน เลยทำให้เหนื่อยกว่าปกติ แต่เมื่อขึ้นไปถึงจุดบนสุดแล้วได้เห็นวิวบอกเลยว่าหายเหนื่อย ถุ้ยยยยย เหนื่อยเหมือนเดิมอ่ะแหละ แต่วิวสวยจริง 55555 ถ่ายรูปโคตรสนุก แต่เสียดายมากที่เค้าให้เวลาเราน้อย ประมาณชั่วโมงกว่าๆ จริงๆอยากอยู่นานกว่านี้อีก ถ้ามากันหลายคนเราแนะนำว่ามาแบบ private tour ดีกว่า เราจะอยู่ที่ไหนนานที่ไหนแป่ปเดียวเรากำหนดเองได้เลย และแนะนำว่าที่นี่ควรมาช่วงเย็นได้แสงเย็นนี่จะโคตรพีคเลย ถ้าให้มาใหม่สำหรับที่นี่เราอยากมานะ เอ่ออีกอย่างบนจุดชมวิวเราจะมองเห็นหาดสามหาด คือ white beach , pink beach , black beach ถึงจะเห็นจากไกลๆแต่บอกได้เลยว่าสวยมากกก
สำหรับจุดต่อไปเราไปกันที่สถานที่ขึ้นชื่อที่หลายคนมาที่นี่เพื่อมาเจอกับสิ่งนี้นั่นก็คือ เหี้ยยักษ์ ถุ้ยยย มังกรโคโมโด สำหรับคนที่ชอบเค้าก็ชอบนะแต่เราเฉยมากกกกกก
ตอนนั่งเรือไป Komodo Island ใช้เวลาเดินทางไม่นานเท่าไหร่ก็ไปถึง
และเราต้องจ่ายค่าเข้าอุทยานและค่าคนนำทางรวมๆแล้วคนละ 250,000 รูเปียห์ ประมาณ 576 บาท เอาตรงๆเราว่าไม่คุ้มว่ะ แต่ก็ราคาประมาณคนต่างชาติมาเที่ยวอุทยานที่ไทยอ่ะ ที่เราบอกว่าไม่คุ้มเพราะเราเฉยๆด้วยแหละแต่เราจะไม่เข้าไปดูก็ได้นะ แต่เรางงๆเลยเข้าไปดูกับเขาด้วย 55555 ไปดูกันดีกว่าว่ามีไรบ้าง
ก็ประมาณนี้แหละที่เราไปมา ถ้ามีฉากมังกรโคโมโดกินกวางสดๆคงตื่นตาตื่นใจมากกก ถุยยยย 55555 และหลังจากเกาะนี้ก็ถึงเกาะที่เราตั้งความหวังไว้เยอะมาก Pink Beach เรือพาเราไปเรื่อยๆเราก็นั่งลุ้นว่าจะถึงเมื่อไหร่ และแล้วววว ความเหี้ยก็เกิดขึ้น เรือจอดที่จุดดำน้ำแล้วให้เราลงไปดำน้ำ เราก็สังเกตุบนเกาะว่ามันสีชมพูอาจจะเป็นที่นี่ก็ได้ คิดว่าดำน้ำเสร็จจะพาไปบนเกาะ แต่ไม่เลยยยย ดำน้ำเสร็จเขาก็ไม่เข้าเกาะ แต่ไปที่อื่นเลยจ้าาาาา งงเลยกู 5555 แล้วก็มีฝรั่งคุยกันว่าใครได้ไป Pink Beach บ้างก็เหมือนจะไม่มีใครได้ไป คงจะงงพอๆกัน 5555 และสำหรับภาพใต้น้ำก็ไม่มีจ้าาา ถ่ายมาแต่วีดีโอเลยไม่มีภาพมาให้ดูเลย Pink Beach ก็ไม่ได้ไป โคตรพลาดดด แต่จุดดำน้ำที่นี่สวยใช้ได้นะตอนลงไปนี่บอกเลยว่าชอบแต่เสียดายที่ไม่มีภาพ
และจุดต่อไปที่เราไปกันก็คือ manta point เป็นจุดดำน้ำที่เราจะเห็นปลากระเบนแมนตา ตอนแรกไม่ได้คิดเลยว่าจะมาเจอคือไม่ใช่สายดำน้ำอยู่แล้วด้วย แต่พอเห็นจากบนเรือแล้วแบบไอสัสยังไงกูก็มาแล้วต้องลงแล้วว่ะ แล้วก็ลงไปกับเค้าด้วย แต่คือมันต้องว่ายน้ำตามหาว่ายตามไปเรื่อยๆไรงี้ คือน้ำก็ขุ่นมากแบบหากันไม่เจออ่ะ แล้วฝรั่งนี่ว่ายน้ำโคตรเร็ว ตอนนั้นกุรั้งท้ายอยู่หลังสุดเลย 5555 แต่สุดท้ายพระเจ้าก็เข้าข้างเราเราเจอมันแล้ว กำลังว่ายน้ำสวนมากับเราพอดี ตอนนั้นรีบหยิบกล้องขึ้นมาถ่ายคิดว่ากุตายตาหลับแล้วได้ภาพมันมาแล้วววว แต่หลังจากที่ขึ้นเรือแล้วเปิดดูภาพ ไอสัสสสส ถ่ายไม่ติดโว้ยยยย โคตรซวยยยย แต่อย่างน้อยก็ประทับใจนะที่ได้เห็นมันกับตา ถ้าคนที่ชอบโลกใต้น้ำเราว่าต้องชอบที่นี่มากแน่ๆแนะนำให้มาเลย มาดูภาพที่เราถ่ายติดจากบนเรือดีกว่า
และหลังจากนี้เราก็ได้เวลากลับขึ้นบกแล้ว แน่นอนนั่งโคตรนานเลย แต่เราก็ชอบนะได้ดูพระอาทิตย์ตกดินกลางทะเลไปดูภาพกันดีกว่า
และเราก็ไปถึงท่าเรือตอนนั้นก็มืดแล้ว เราก็เดินกลับที่พักกันระหว่างทางก็แวะกินข้าว แน่นอนกุไม่กินร้านเดิมแน่ๆ 5555 ครั้งนี้เลยเลือกกินรานอาหารตามสั่ง และเราก็เจอมื้อที่อร่อยในอินโดแล้วววว มันคือข้าวไก่ทอด 5555
กินเสร็จก็กลับเข้าที่พัก พรุ่งนี้ต้องกลับไปบาหลีแล้ว 555
Day 3
วันนี้หลังจากตื่นก็จัดของและนั่งแท็กซี่ไปสนามบินเพื่อนเดินทางไปบาหลี ขากลับเรานั่งของ Wings air เป็นเครื่องลำเล็กเหมือนขามาอ่ะแหละเหมือนๆกันเลย นั่งไปไม่นานก็ถึงบาหลี และสำหรับการเที่ยวในบาหลีเราเช่ารถพร้อมคนขับของบริษัท Teddy Tour ราคา 250,000 รูเปียห์ ประมาณ 576 บาท ต่อคน
ก่อนเริ่มเที่ยวตอนนั้นคือโคตรหิวพี่คนขับจึงพาเราไปกินร้านชื่อดังละมั้งเพราะรถจอดเยอะมาก เป็นขายเกี่ยวกับของย่าง ไก่ย่าง เนื้อย่าง มีให้เลือกหลายอย่าง แน่นอนเราเลือกไก่ย่างเพราะคงกินถูกปากสุดๆละ ต้องบอกว่าร้านนี้อร่อยจริง 555 ชื่อร้าน ga warung bbq rib house&indonesia food มื้อนี้โดนไปคนละประมาณ 200 บาท
จริงๆอยากจะอยู่บาหลีหลายวันนะ แต่ครั้งนี้มีเวลาน้อยเลยได้แค่วันเดียว มีเวลาในบาหลีวันเดียวเราไปเที่ยวมาตามนี้เลย
1.Uluwatu
ที่นี่เป็นวัดแต่เราว่าคนคงไม่ได้จดจำที่ว่าเป็นวัดแต่จดจำว่าที่นี่คือสถานที่ที่มีจุดชมวิวเป็นหน้าผาที่กระทบกับน้ำทะเลสีฟ้าจนทำให้เกิดออกมาเป็นโกโก้ครั้น 5555555 ก่อนเข้าที่ไปเราก็จ่ายค่าเข้ากันก่อน ราคา 30,000 รูเปียห์ ประมาณ 70 บาท ก่อนเข้าต้องทำการนุ่งโสร่งก่อน พอเข้าวัดไปก็เดินหาจุดชมวิวกันนานมากกก แต่สุดท้ายก็เจอ 555555 มีหลายมุมให้เลือกเยอะมากก และสิ่งที่มากพอๆกันก็คือลิงนี่แหละ 55555 ไปดูกันดีกว่าว่ามีมุมไหนสวยๆบ้าง
2.Canggu Beach
จุดนี้จะบอกว่าเป็นที่ที่เราชอบที่สุดในบาหลีเลยก็ว่าได้ ที่นี่ก็คือหาดทรายสีดำซึ่งดำแบบดำจริงๆ โคตรชอบอ่ะ ไม่ได้ดำแบบสกปรกนะ แต่ดำแบบสวยงามมากๆ และที่พื้นเหมือนเป็นระยิบระยับ และริมหาดฝั่งขวาก็จะเป็นหน้าผาบวกกับคนน้อยๆนี่มันโคตรสุดยอดดดด ถ้าอยากไปหาดสีดำที่คนน้อยๆเราแนะนำที่นี่เลย
3.sari amerta luwak coffee
ที่ต่อไปเป็นร้านกาแฟ พี่คนขับรถถามว่าจะกินไหมร้านนี้เขาแนะนำ เราเลยไม่อยากพลาดก็จัดไป ไปถึงร้านแล้วตอนแรกคิดว่าจะเป็นร้านวิวสวยไรงี้ แต่ร้านนี้ไม่มีวิวสวยๆ แต่จะบอกว่าอะไรที่มันน่าสนใจ สิ่งที่เราชอบก็คือเขาพาเราเดินดูแล้วแนะนำวิธีการทำบอกเรื่องราวของเขา เราชอบนะ แล้วก็พาไปนั่งมีกาแฟมาให้เราชิมหลายแก้วเลย อร่อยบ้างไม่อร่อยบ้างแต่บอกเลยว่าต้องลอง และที่พีคก็คือตอนแรกคิดว่าแพงแต่สรุปแล้ว ฟรีเว้ยยย คือเหมือนเค้าให้ชิมฟรีอ่ะ แล้วก็จะมีร้านขายกาแฟให้เราเลือกซื้อเลยซื้อเป็นของฝากให้กับที่บ้านด้วย
4.Tanah lot
สำหรับที่สุดท้ายของทริปนี้ก็คือที่นี่ เรามาเพราะพี่คนขับรถบอกว่าพระอาทิตย์ตกที่นี่สวย และทางเลือกมีไม่ค่อยเยอะเราเลยโอเคตกลงตามนั้น จริงๆแล้วเราค่อนข้างจะเฉยๆกับที่นี่นะ แต่ช่วงเย็นๆแล้วมีพระอาทิตย์ตกทำให้ที่นี่สวยขึ้นเยอะมากกกก ไปดูภาพกันเลยดีกว่า
หลังจากเที่ยวจนเสร็จก็ฟ้ามืดแล้วเราก็บอกคนขับรถว่ากลับที่พักเลย “เออต้องกลับยุแล้วแหละมันหมดเวลาแล้วโว้ยย” คนขับคงคิดงี้ 55555 พอนั่งบนรถเท่านั้นแหละหลับยาวเลย ไปตื่นอีกทีตอนที่ถึงที่พักแล้ว หลังจากเก็บของเสร็จก็ออกไปหาอะไรกิน แต่ของกินหายากมากเลยไปจบกันที่มาม่า และก็กลับห้องมานอนพักพรุ่งนี้เตรียมตัวลุยต่อ สำหรับรีวิวต่อไปเราจะไปเที่ยวที่คาวาอีเจี้ยนแบบไม่ง้อทัวร์ รอติดตาม Ep.2 กันได้เลยย
ติดตามรีวิวตอนต่อไปได้ที่นี่เลย : เที่ยวก่อนตาย Bucket list TH