รีวิวไต้หวัน 10 วัน 9 คืน 14 สถานที่เที่ยว ( ฉบับย่อสำหรับคนไม่อยากอ่านเยอะ )

“ไต้หวัน” ประเทศนี้เป็นทุกอย่างให้มึงแล้ว !!!
นี่ไม่ได้พูดเล่นๆ แต่หลังจากที่ได้ไปเที่ยวประเทศนี้มา 10 วัน 9 คืน ทำให้กุรู้สึกแบบนี้จริง ไต้หวันคือประเทศที่รวมหลายๆอย่างเข้าด้วยกันแบบลงตัวสัสๆ ไม่ว่าจะชอบแดก/ชอบเที่ยวธรรมชาติ/ชอบเที่ยวในเมือง

สำหรับทริปนี้อย่างที่บอกไปว่าเราไปมา 10 วัน 9 คืน ซึ่งเป็นทริปที่นานพอสมควร ถ้ากำลังสงสัยอยู่ว่าไปทำบ้าอะไรตั้ง 10 วัน จะขอตอบตรงนี้เลยว่า ไปเที่ยวสิอิสัส !!! 55555 หยอกๆๆๆ ที่ไปนานขนาดนี้เพราะคิดว่าไปเที่ยวทั้งทีก็อยากเที่ยวให้เยอะที่สุด เพราะหลังจากครั้งนี้ถ้าไปต่างประเทศอีกคงจะเลือกไปประเทศที่ไม่เคยไปมาก่อน จึงทำให้ทริปนี้ตกลงกับเพื่อนว่าไปแม่ง 10 วันเลยละกัน ไปทุกที่ที่อยากไปของไต้หวัน ทำให้ทริปนี้เราไปมาทั้งหมด 14 สถานที่เที่ยว ที่รับรองว่าคุณต้องชอบแน่นอน !!!!

รีวิวทริปนี้มีทั้งหมด 3 Ep.
ใครอยากอ่านแบบละเอียดตามไปอ่านได้เลย
รีวิว Ep.1 ไปอ่านได้ที่นี่ : https://bit.ly/2Hdhy6b
รีวิว Ep.2 ไปอ่านได้ที่นี่ : https://bit.ly/2qPm4lo
รีวิว Ep.3 ไปอ่านได้ที่นี่ : https://bit.ly/2r1vmuu

1.Hehuanshan

เหอฮวนซาน เป็นสถานที่ที่ผมตกหลุมรักตั้งแต่เห็นภาพตอนที่อ่านรีวิว เป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยที่สุดในทริปนี้ ( เพราะได้ดูพระอาทิตย์ขึ้นที่เดียว 55555555 ) เมื่อกี่เอาฮา แต่แม่งสวยมากจริงๆ เห็นเส้นขอบฟ้าได้ชัดมากๆ และที่เหอฮวนซานก็ยังเป็นภูเขาที่สูงที่สุดในใต้หวัน มีความสูงถึง 3,416 เมตรจากระดับน้ำทะเล บอกเลยว่าที่นี่โคตรหนาววววว หลายๆคนอาจจะยังไม่รู้ว่าไต้หวันก็มีหิมะตก และที่อยากจะบอกเกี่ยวกับเหอฮวนซานก็คือที่นี่มีหิมะตกด้วยยยย !!! ( ถ้าต้องการมาดูหิมะตกที่นี่จริงๆต้องเช็คสภาพอากาศล่วงหน้าด้วย ) แต่ตอนที่เราไปไม่ได้ไปช่วงที่หิมะตก แต่ที่เรามั่นใจก็คือไม่ว่าจะมาช่วงไหนที่นี่ก็ยังคงสวย วิวภูเขาของที่นี่คือสวยสัสจริงๆภาพเยอะมากกก นี่คัดมาแค่บางส่วนเท่านั้น

2.Cingjing Farm

Cingjing Farm ได้ชื่อว่า “สวิตเซอร์แลนด์ของไต้หวัน” เพราะที่นี่เขาเลี้ยงแกะกันบนภูเขาลูกนี้เยอะมากก แกะเชื่องคนมาก จับได้ถ่ายรูปใกล้ๆได้ แต่ที่พีคอีกอย่างก็คือที่นี่แม่งมีซากุระด้วย และอีกอย่างคืออากาศดีมากก แต่วันที่เราไปหมอกเยอะไปหน่อย ถ้าหมอกน้อยกว่นี้ก็จะสวยขึ้นไปอีก (ช่วงที่เราไปเป็นหน้าหนาว หญ้าเลยไม่ค่อยเขียวและซากุระของที่นี่ก็ไม่ได้มีตลอดน่าาา)

3.Sun Moon Lake

Sun Moon Lake ตอนแรกกุก็คิดไว้ในใจว่า เมื่อมาถึงฝนคงจะหยุดตกแล้ว แต่เมื่อมาถึงจริงๆ ไอสัสฝนเริ่มหยุดจริงๆ แต่หมอกลงซะงั้น 5555 ทำให้แผนที่วางไวพังไม่เป็นท่า ทำอะไรไม่ได้เลย 5555 แต่มาทั้งที่ขอเดินดูสักนิดดีกว่าได้เห็นวิวสักนิดก็ยังดี แต่สรุปว่ากุมองไม่เห็นอะไรเลย แม่งหมอกลงแบบสัสๆแล้วฝนก็เริ่มตกอีกรอบ ซวยสัสๆ 55555 แต่เรารู้สึกเฉยๆกับ Sun Moon Lake ตั้งแต่ก่อนมาแล้ว เลยไม่เสียใจเท่าไหร่ หรอออ 55555 แต่ถ้าพรุ่งนี้ที่เราจะไป Alishan ฝนเสือกตกนะกุจะเศร้ามากกก 55555

4.Alishan

อาลีซาน สำหรับที่นี่ทุกคนอาจจะรู้จักหรือเคยได้ยินชื่อกันมาบ้างแล้ว อาลีซาน คือโคตรพ่อโคตรแม่ของป่าสน ความสวยงามที่ผมชอบของที่นี่ก็คือตอนที่มีหมอกลงแบบบางๆแบบที่เห็นในรีวิวอื่นๆ ฟีลลิ่งมันจะเหงาๆแต่สวยงาม แต่วันที่เราไปดันไม่มีหมอก 555555 แต่ก็ยังไม่เสียใจเพราะเราก็ยังชอบธรรมชาติของที่นี่อยู่ ด้วยอากาศที่เย็นกำลังดีและเส้นทางเดินชมธรรมชาติ ที่มีจุดสวยๆให้แวะถ่ายรูปได้ไม่หยุด ทำให้การเที่ยวที่นี่ไม่เบื่อเลย จริงๆที่อาลีซานมีดูพระอาทิตย์ขึ้นตอนเช้าด้วย แต่ต้องพักที่นี่ แต่เราจองไม่ทันที่พักเต็มก็เลยพลาดไป ถ้าใครมาแล้วอยากเที่ยวทุกจุดแบบจัดเต็มก็ควรนอนที่นี่เลย แต่ถ้าใครไม่มีเวลาอยากมาวันเดียวก็ได้เหมือนกัน เพราะเราก็มาวันเดียวถึงจะเดินเที่ยวไม่ครบทุกจุดแต่แค่นี้ก็เต็มอิ่มสุดๆแล้ว

5.Taroko National Park

อุทยานแห่งชาติทาโรโกะ เป็นอีกสถานที่ที่ผมนับวันถอยหลังว่าเมื่อไหร่จะถึงวันที่เราได้ไป 5555 เพราะส่วนตัวเป็นคนที่ชอบภูเขาแบบนี้อยู่แล้ว และที่นี่ยังเป็นอุทยานแห่งชาติที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของไต้หวัน การเที่ยวที่นี่จำเปนต้องใช้เวลาเที่ยว 1 วันเต็มๆ หรือ 2 วัน 1 คืน เพราะที่เที่ยวที่นี่เยอะมากกกก แต่เราว่า 1 วันก็เต็มอิ่มพอสมควรแล้ว จุดเด่นของที่นี่ก็จะเป็นความสวยของภูเขาที่ถูกกัดกร่อนจนเป็นร่องอันเป็นเอกลักษณ์ และยังมีลำธารไหลผ่านและที่สำคัญน้ำเป็นสีฟ้าสวยมากกก ( ไม่ได้สีฟ้าทุกจุด ) คือเอาตรงๆบรรยายออกมายากสัสๆ ต้องไปสัมผัสด้วยตัวเองเท่านั้น

การเที่ยวใน Taroko วันนี้เราได้ซื้อทัวร์เดย์ทริปของ Klook ซึ่งเราแนะนำเลยจริงๆาที่นี่เที่ยวเองได้หลายแบบนะ แต่ที่แนะนำก็เป็นแบบเรานี่แหละ ยิ่งมากันประมาณ 4 คน ยิ่งคุ้มเข้าไปใหญ่ เดย์ทริปของเราราคา 2,718 บาท ถ้าไปกัน 4 คน ตกอยู่ที่คนละประมาณ 680 บาท มีรถส่วนตัว มีคนขับพาเที่ยว อยากไปไหนจอดตรงไหนก็บอกได้เลย เราว่ามันสะดวกดีนะ

6.Qingshui Cliff

ผาชิงสุ่ย ที่นี่เป็นจุดชมวิวลุงพามาลงจอดให้เราไปถ่ายวิวผาชิงสุ่ย เราชอบนะน้ำทะเลสีฟ้ากระทบกับหิน จริงๆลงไปเดินที่หาดได้แต่เวลาเราไม่เยอะเท่าไหร่

7.Qixingtan Beach

หาดชีชินถาน จุดนี้แหละที่เราชอบสุดๆ บรรยากาศโคตรดี น้ำทเลที่นี่ไม่ใสแต่น้ำเป็นสีฟ้าสวยสัส อีกอย่างหาดที่นี่เป็นหาดหินกรวด เราว่าหาดหินกรวดบวกกับน้ำทะเลสีฟ้าแบบในภาพมันเข้ากันมากๆ และแค่นี้ยังไม่พอ ไม่ว่าจะหันไปด้านซ้ายหรือขวาก็ยังเห็นวิวภูเขาอยู่ห่างๆ และอีกอย่างทะเลของที่นี่กระทบกันจนเกิดเป็นละอองน้ำ ทุกอย่างของที่นี่ผสมผสานกันได้ลงตัวแบบสัสๆ อยากจะอยู่ไปนานๆเลย แต่เนื่องจากมาที่นี่เป็นที่สุดท้ายเวลาเลยมีน้อย เสียดายมาก

8.Yangmingshan

อุทยานแห่งชาติหยางหมิงชาน ถ้ามีเวลาว่าง 1 วันที่ไทเป แล้วอยากหาที่เที่ยวธรรมชาติที่ใช้เวลาเดินทางไม่นาน และที่สำคัญต้องสวย เราขอเลือกที่นี่เลย เดินทางง่าย เที่ยวง่าย ที่สำคัญโคตรสวย เอาจริงๆที่หยางหมิงซานเป็นที่เที่ยวที่ครบมากๆ มีทั้ง ทั้งจุดแคมป์ปิ้ง, เส้นทางเดินป่า, ปีนเขา, ชมสัตว์ป่า, น้ำตก, ต้นไม้, ป่าไม้, บ่อน้ำแร่ ที่นี่จะมีจุดให้แวะเที่ยวหลายจุดมาก แต่ที่เราชอบที่สุดในหยางหมิงซานก็คือ Qingtiangang ก็คือสถานที่ในภาพที่เราเอามารีวิวนี่แหละ เราว่าเป็นจุดที่สวยที่สุดของอุทยานเลยก็ว่าได้ ที่นี่เป็นทุ่งหญ้าที่ตั้งอยู่บนเนินเขาที่สวยมากกก ดูตามภาพเลย ใครจะมาแนะนำว่าเผื่อเวลาไว้สำหรับจุดนี้เยอะๆเลย เพราะผมเผื่อเวลาไว้ 1 ชม. แต่มันไม่พอจริงๆ พอเจออะไรสวยๆเวลาก็จะผ่านไปเร็วแบบนี้แหละ 5555

9.Taipei Street

สำหรับวันว่างๆในไทเป เดินไปตามถนนแล้วถ่ายรูปเล่นก็ได้ภาพสวยๆแล้ว

10.Bo Pi Liao Historical Street

Bo Pi Liao Historical Street สำหรับที่นี่ใครชอบถ่ายรูปห้ามพลาดเด็ดขาด ที่นี่เป็นซากตึกทรงเก่าๆที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้และได้พัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยว เป็นจุดถ่ายรูปชิคๆใครชอบตึกทรงเก่าต้องชอบที่นี่แน่ๆ

11.Treasure Hill Artist Village

Treasure Hill Artist Village ตามชื่อเลยนี่คือหมู่บ้านสายอาร์ต ซึ่งที่นี่เป็นเหมือนหมู่บ้านเก่าๆ แต่ช้าก่อนอย่าคิดว่าที่นี่มีแค่ความเก่า เพราะความเก่าของที่นี่ได้ถูกเติมเต็มด้วยศิลปะของเหล่าศิลปินทำให้ที่นี่เป็นสถานที่ที่มีความน่าสนใจมากๆ ตอนที่เดินเข้ามาที่นี่เหมือนหลุดเข้ามาอีกโลกคือทุกอย่างแม่งลงตัวมากๆ ทุกจุดที่เดินผ่านมีความน่าสนใจ สามารถหยุดถ่ายรูปได้ตลอด และในหมู่บ้านจะมีร้านน่านั่ง โฮสเต็ลชิคๆ แล้วจะมีห้องจัดแสดงศิลปะคูลๆให้ได้เดินดูตลอด คือเอาจริงบรรยายออกมาไม่หมดอ่ เอาเป็นว่าที่นี่มีเสน่ห์มากๆ คือถ้าต้องกลับไปไทเปอีกครั้งจะมาเก็บตัวอยู่ที่นี่เป็นหลัก เพราะตอนที่เราไปยังซึมซับได้ไม่เต็มที่เลย เพราะเรามาถึงที่นี่ก็เป็นช่วงเย็นแล้วแล้วพอเริ่มมืดก็เลยเดินต่อไม่ได้

12.Ximending

Ximending ถือว่าเป็นหนึ่งในสีสันของไทเปในยามค่ำคืน เป็นทั้งแหล่งช็อปปิ้งที่มีทั้งสินค้าแฟชั่น เครื่องสำอาง ของหวาน ของคาว บอกได้เลยว่าครบมากกกก และที่สำคัญโดยเฉพาะผู้หญิงพวกครีมกันแดดเครื่องสำอางอะไรพวกนี่แม่งถูกกว่าที่ไทยเยอะมากกก ไม่แปลกใจเลยที่มาที่นี่แล้วเจอคนไทยอยู่ในร้านแนวๆนี้ ใครมาก็ต้องมาหิ้วกลับบ้านกันไม่มากก็น้อย ห้ามพลาดเด็ดขาด และที่นี่มีสีสันอีกอย่างนั่นก็คือการแสดงโชว์บนถนน ซึ่งแต่ละวันก็ไม่เหมือนกัน มีเต้น มีมายากล ( มั้งนะ ) เป็นการแสดงที่เอนเตอร์เทนคนดูดีมากก เดินผ่านกี่ครั้งก็คนดูกันเยอะตลอด 55555

13.Houtong cat village

ใครเป็นทาสแมวชูมือหน่อยเร็วววว จะบอกว่าเราเป็นทาสเหมือนกัน 5555 และวันนี้เราจะพาไปเที่ยวสวรรค์เล็กๆของคนรักแมวกัน รับประกันความฟินแน่นอน นั่นก็คือ Houtong cat village ซึ่งก็คือ “หมู่บ้านแมวแห่งไต้หวัน” นั่นเอง
Houtong cat village เป็นหมู่บ้านเล็กๆกลางหุบเขา บรรยากาศดีมาก ไม่ร้อน ไม่หนาว อากาศกลางๆ คนไทยน่าจะชอบกัน และอีกอย่างคือเดินทางมาเที่ยวง่ายมาก สำหรับหมู่บ้านแมวแห่งนี้มีประชากรแมวไม่ได้มีเยอะแบบเกาะแมวญี่ปุ่นนะ แต่ก็เยอะพอที่จะเดินไปเจอได้ในทุกๆซอยที่เดินผ่าน 55555

14.Jiufen

Jiufen ถ้าพูดถึงชื่อนี้หลายๆคนคงจะเคยได้ยินกันมาบ้างแล้ว และสิ่งที่ดึงดูดเรามาที่นี่ก็คือโคมไฟสีแดงและอาหาร 555 เพราะที่ Jiufen old street เขาว่ากันว่าของกินอร่อยมากกกก วันนี้ก็เป็นวันที่เที่ยววันสุดท้ายแล้วเลยต้องมาเยือน 555 สำหรับที่นี่บอกเลยว่าคนไทยโคตรเยอะ เป็นที่เที่ยวที่เราเจอคนไทยเยอะที่สุดละ เดินไปไหนก็ได้ยินแต่ภาษาไทย ส่วนของกินก็มีน่ากินหลายอย่างเลย ไม่รู้จะแนะนำอะไร แนะนำให้มาดูเองดีกว่า 55555 แต่ที่เราไม่ชอบเลยก็คือคนโคตรเยอะเลย เยอะเกินไป เยอะแบบต้องเดินเบียดๆกัน ที่บอว่าคนเยอะหมายถึงตรงตลาดนะ แต่ถ้าในซอยทั่วไปเราว่าชิลๆดี และสำหรับโคมไฟสีแดงจริงๆมันควรจะมาช่วงที่พระอาทิตย์ตกดิน เพราะเมื่อโคมไฟส่องแสงที่นี่จะโคตรมีเสน่ห์เลย แต่เราเลือกไม่ได้เพราะไม่ได้ขับรถมาเอง เลยมาได้แค่ช่วงเย๋็น 55555

Traveloka
สำหรับทริปนี้เราจองที่พักกับ Traveloka เพราะใช้ง่ายมาก และมีที่พักให้เลือกเยอะจริงๆ แต่ไม่ใช่แค่ที่พักอย่างเดียวเท่านั้น เพราะเราสามารถจองตั๋วเครื่องบินผ่าน Traveloka ได้ด้วย สรุปว่าได้ทั้งที่พัก ได้ทั้งตั๋วเครื่องบิน เว็บเดียวจบครบในหนึ่งทริป จะได้ไม่ต้องแยก booking ไปอยู่หลายๆแอป และที่ชอบอีกอย่างคือมีโปรบ่อยมากกก ส่วนลดที่พัก ส่วนลดเที่ยวบิน แนะนำเลยจริงๆ และที่พักในไทเปของเราก็คือที่  Hotel Cheers


เช็คราคา หรือจองที่พัก Hotel Cheer ที่ Traveloka คลิกที่นี่

 

Yi 4K Plus

ทริปนี้เราก็พก Action Camera ตัวเล็กๆอย่างเจ้า YI 4K PlUS มาด้วย กล้องตัวนี้ถือว่าเป็นกล้องหลักในการถ่ายวีดีโอเลยเพราะเราชอบที่มันสามารถถ่าย 4K ได้ถึง 60Fps ซึ่งถือว่าสเปคสูงในราคาที่ถูกมากกก ใครอยากไปเที่ยวชิลๆ ไม่อยากพกกล้องตัวใหญ่ จริงๆพก YI 4K PlUS ไปแค่ตัวเดียวก็เกินพอ ได้ทั้งภาพนิ่งทั้งวีดีโอ เดี่ยวจะรีวิวให้ดูแบบเต็มๆอีกครั้งน่าา

ใครสนใจเข้าไปสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่เลย >> Yi Thailand Distributor

Winter go round

ไต้หวันทริปนี้เป็นช่วงหน้าหนาว สำหรับคนที่เที่ยวบ่อยๆคงมีชุดกันหนาวกันอยู่แล้ว และแน่นอนว่าถ้าไปเที่ยวทริปใหม่ก็คงไม่อยากใส่ชุดเดิมเพราะชุดมันซ้ำอยากได้ชุดใหม่ๆ โดยเฉพาะผู้หญิงคงเป็นแบบนี้แน่ๆ 5555 ถ้าเป็นเรานะจะเอาเงินที่ต้องซื้อชุดใหม่ไปเช่าชุดกันหนาว แล้วเอาเงินส่วนที่เหลือไปเที่ยวดีกว่า ถ้าใครสนใจเช่าชุดกันหนาวเราแนะนำร้านนี้เลย Wintergoround เช่าเสื้อกันหนาว แบรนด์เนม และดีไซน์ ที่นี่มีชุดกันหนาวตั้งแต่อุณหภูมิ 15 องศา ถึง -30 องศา หนาวขนาดไหนก็เอาอยู่ และยังมีแบรนด์เนมให้เลือกเยอะมาก

NokScoot

สำหรับทริปนี้เราเดินทางไปกับ NokScoot บินตรงจากสนามบินดอนเมือง – สนามบินเถาหยวน ราคาเริ่มต้นแค่ 2,799 บาท โคตรถูกกกกก รีบหาวันว่างแล้วเช็คราคาได้ที่ http://www.nokscoot.com/
เอ่อเกือบลืม จะบอกว่า NokScoot กับ Nokair เป็นคนละสายการบินกันนะ เผื่อบางคนยังเข้าใจผิด สำหรับ NokScoot จะเป็นสายการบินต่างประเทศ ซึ่งเครื่องจะลำใหญ่กว่า บินไกลกว่า เช่น จีนหรือไต้หวัน ต้องไปกับ NokScoot เท่านั้น

จบไปแล้วสำหรับรีวิวสรุปแบบสั้นๆของแต่ละสถานที่ ใครอยากอ่านเต็มๆก็ตามเข้าไปอ่านกันได้เลย
และติดตามรีวิวใหม่ๆของเราได้ที่นี่เลย : เที่ยวก่อนตาย Bucket list TH