สวัสดีครับ ผมหายหน้าหายตาไปประมาณเดือนเต็มๆที่ไม่ได้รีวิวอะไรลงเพจเลย เหตุผลมาจากความบัดซบของแอดมินเอง 55555

นั่นคือ ขี้เกียจ + ขี้เกียจ + ขี้เกียจ 55555 จริงๆคือติดภาระกิจ ขายของออนไลน์ กับ งานที่มหาลัยด้วย ไม่ได้ขี้เกียจขนาดนั้น 5555 แต่นี่ก็น่าจะได้เวลาแล้วที่จะปั่นรีวิวต่อหลังจากที่ดองไว้เป็นเดือน  รีวิวรอบนี้ไม่ใช่รีวิวแบบ How to ราคาถูก เหมือนที่เคยทำๆมานะ เพราะครั้งนี้ไปคนเดียว แล้วก็ทริปนี้ไม่ได้ประหยัดเท่าไหร่ เพราะแดกเยอะ 5555 แต่จะพยายามเขียนรีวิวให้ตามรอยได้ง่ายๆนะ 55 โดยรีวิวทริปนี้จะแบ่งเป็น 4 Part

     มาเริ่มกันเลยดีกว่า ( ตรงนี้กูอยากเล่าอ่ะ 555 ถ้าอยากเข้าเรื่องรีวิวเลย ก็ข้ามย่อหน้านี้ไปได้เลยนะ ) ช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา มหาลัยปิดปีใหม่ก็ได้โอกาสกลับบ้านที่ จ.นครศรีธรรมราช  หลังจากที่ไม่ได้กลับมาเกือบ 1 ปี ถือว่าครั้งนี้กูกลับบ้านพร้อมกับความซวย 55555 คือแม้งกลับถึงบ้านพร้อมกับห่าฝนที่เข้าโจมตีภาคใต้จนน้ำท่วมกันในช่วงต้นปีที่ผ่านมา นับว่าการกลับบ้านครั้งนี้กูเป็นเด็กดีมาก แทบไม่ออกจากบ้านเลย เพราะฝนตกสัส 555555 ไอเหี้ย เล่าเรื่องตัวเองมากเกินไปละ เค้ามารออ่านรีวิว ไม่ได้มาฟังมึงบ่น ไอเหี้ย 55555 เข้าเรื่องจริงๆละ และฝนก็ตกไปยาวจนถึงวันที่ 5 ม.ค. 2560 ซึ่งเป็นวันที่ผมต้องออกเดินทางไปเชียงใหม่ และพีคกว่า วันที่ 5 แม้งฝนตกหนักที่สุด น้ำท่วมหนักมาก แต่พ่อก็พยายามพากูมาถึงสนามบินจนได้ โดยที่ระหว่างทางกูกลัวว่ารถจะโดนน้ำซัดปลิวมาก แค่เริ่มต้นก็ซวยแล้วสัสเอ้ยย แต่แม้งถือว่าดวงดีมากที่กูเดินทางวันที่ 5 เพราะ วันที่ 6 สะพานทางไปสนามบินโดนน้ำซัดสะพานขาด สนามบินก็ปิดทำการด้วย

“บางทีการที่เราเจอเรื่องเหี้ยๆ อาจจะไม่ใช่เรื่องที่เหี้ยที่สุดก็ได้”

ข้ามเรื่องเหี้ยๆไปก่อน 55555 เมื่อผมเดินทางถึงสนามบินเชียงใหม่ ตอนนั้นเวลา 23.00 น. เป้าหมายต่อไปคือ…. คืออะไรวะ 5555 มาเชียงใหม่ครั้งแรกด้วย ตอนแรกอ่ะคิดว่าจะนอนสนามบินเชียงให่ แล้วพรุ่งนี้เช้าค่อยเดินทางต่ออยากลองไงว่าเป็นยังไง เคยแต่ดูรีวิวคนอื่น 5555  แต่คือมาเช็คดูอีกครั้ง พลาดสัส สนามบินไม่ได้เปิด 24 ชม. ที่นี่นอนไม่ได้จ้า 555 ก็เลยต้องเดินไปหน้าสนามบินก็มีรถสองแถวจอดอยู่ ก็ไปบอกเค้าว่าจะไป ขนส่งช้างเผือก เพราะพรุ่งนี้เช้าต้องเดินทางไป เชียงดาว ค่ารถสองแถวไม่รู้ปกติเค้าคิดกันกี่บาท แต่โดนไป 40 บาท นั่งไม่นานนักก็มาถึงจุดหมาย และผมก็เดินหาห้องพักถูกๆแถวนั้นแหละค้างคืนนึง ก็ได้มาแถวๆขนส่งช้างเผือกเลย จำชื่อไม่ได้ คืนละ 300 บาท ไม่มีเครื่องทำน้ำร้อนด้วย ไอเหี้ยยย เย็นสัส 55555 ถึงห้องก็นอนเลยไม่อาบน้ำแม้งละ 555

เช้าวันต่อมาลืมตาตื่นขึ้นมา 4.00 น. ตื่นมาหยิบผ้าห่มเพิ่มอีกผืน ไอสัสหนาวเหี้ยๆ จะตายแล้ว 555555 และ ตื่นอีกครั้งตอน 8:00 น. ก็อาบน้ำแม้งทั้งที่หนาวๆนี่แหละ ใช้เวลาทำใจยี่สิบนาที อาบน้ำแต่งตัวอีกยี่สิบนาที และออกจากที่พัก และไปขึ้นรถเมล์ไปเชียงดาว ไปเชียงดาวมีรถสองแบบครับ รถเมล์ กับ รถสองแถว รถเขียนว่าไปท่าตอน รถออกทุก 1 ชม. ค่ารถราคา 40 บาท ใช้เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมง 20 นาที ตอนขึ้นรถบอกว่าลงที่ โลตัส เชียงดาว คนบนรถเยอะพอสมควร นั่งยาวๆไปครับ

ตอนมาถึงคนลงเยอะเหมือนกัน บางคนก็ไปขึ้นดอยหลวงเชียงดาว บางคนก็ไปพักโฮมสเตย์เชียงดาว มาถึงแล้วทำยังไงต่อละ ?

เหมือนฝนจะพึ่งตกไป มึงจะตกตอนไหนก็ตก แต่อย่าตกตอนกูเที่ยวขอร้อง 5555

นี่ครับโลตัสเชียงดาวที่รถเมล์มาจอด เมื่อรถจอดผมก็เดินสำรวจดูเรื่อยๆ ที่นี่ก่อนมาคิดว่าจะเป็นแบบชนบทธนาคารไม่มี ไม่ค่อยมีร้านค้า แต่ผิดคาดครับ ที่นี่มีครบทุกอย่าง เซเว่น โลตัส ธนาคาร ร้านค้า และ ร้านมือถือหลายร้านมากก ร้านขายคอมยังมีเลย 5555 มาเข้าเรื่องกันต่อครับ เมื่อมาถึงแล้วคุณมีทางเลือกในการไปโฮมสเตย์เชียงดาวโดยไม่ได้พารถส่วนตัวมามี 2 ทาง คือ เช่ามอเตอร์ไซต์ขับขึ้นไป (ไม่ค่อยแนะนำวิธีนี้ ถ้าไม่มั่นใจว่าขับได้จริงๆ เพราะทางโค้งหักซอกโหดพอสมควร ทางก็แคบด้วย) ทางที่สองคือจะมีรถรอรับคนขึ้นไปข้างบน โดยเหมาทั้งคัน 600 บาท ถ้ามาหลายคนก็โอเค แต่ถ้ามาคนเดียวก็ต้องรอหารกับกรุ๊ปอื่น

ตรงนี้คือร้านเช่ารถมอเตอร์ไซต์ครับ ใครคิดว่าไหวก็มาติดต่อร้านนี้ครับ

ส่วนใครจะเหมารถ มาสอบถามตรงนี้ได้เลยครับ ในกรณีของผมนั้นคิดในใจว่า ยังไงกูก็ไม่ยอมเหมาขึ้นไปคนเดียวแน่ๆ  5555 ก็เลยมีทางเลือกที่ 3 เข้ามา ก็คือโบกรถขึ้นไปครับ ทุกครั้งที่ไปเที่ยวก็โบกรถบ่อยพอสมควร ครั้งนี้สำหรับผมถือว่าไม่ยากครับ ถ้าใครสนใจวิธีนี้ก็มาดูกันครับ

เริ่มแรกเลย เดินตรงไปทางโลตัสตรงไปเรื่อยๆ ระหว่างเดินข้างทางจะมีร้านขาหมู ร้านนี้เหมือนคนจะรีวิวเยอะด้วย ตอนแรกจะกินอ่ะ แต่รีบอยากทำเวลา เลยคิดว่าคอยมากิน แต่แม้งเป็นความคิดที่ผิดสัสๆ มึงจำไว้เลยนะ “อยากทำอะไรทำเลย อย่ารอ งั้นพลาดแน่ๆ”  คือคิดว่ากลับทางนี้ไงตอนแรก แต่มันไม่ได้กลับทางนี้แบบที่คิดเลยพลาด 5555

มาต่อเลย เดินตรงไปเรื่อยๆ ไม่ไกลครับ ผ่านสะพานนี้ไปก็อีกไม่ไกลละ

และเมื่อเดินมาเรื่อยๆ ก็จะเจอป้าย ไปถ้ำเชียงดาว นี่แหละครับ เรามาถึงจุดหมายละ เป้าหมายต่อไปคือโบกรถให้ได้

อย่ายืนโบกตรงทางเลี้ยวนะ เดินเข้ามาอีกนิดนึง แล้วก็รออยู่ข้างทางอ่ะแหละ รถมาก็ยกมือโบก พอเริ่มเห็นรถก็เริ่มยกมือขึ้นมาเลย อย่าโบกตอนรถใกล้จะถึงแล้ว ตอนโบกทำหน้ายิ้มแย้มเป็นมิตรเข้าไว้ 55555 ถ้าไม่จอดอย่าตกใจไม่ใชเรื่องแปลก สู้ต่อไปทาเคชิ ผมโบกประมาณ 3 คัน ถึงจะได้ ถ้ารถจอดรับก็เข้าไปสวัสดีเค้าก่อนแล้วถามว่าเค้าไปไหน ผ่านที่ที่เราจะไปไหม ( ลืมบอก ผมจะแวะเที่ยวที่ถ้ำเชียงดาวก่อนนะ ยังไม่ไปที่พัก ) ก็บอกพี่เค้าไปว่าจะไปถ้ำเชียงดาว ถ้าเค้าโอเคก็ขึ้นเลย ถ้าเค้าบอกไปไม่ถึงก็บอกเค้าไป ว่าไปเท่าที่พี่ถึงแล้วค่อยโบกต่อ แต่ของผมโชคดีที่ไปถึง เอ้า ลุยย

พี่คนขับเหมือนจะเอาของไปส่งที่พักที่ไหนซักแห่ง เบียร์ น้ำ เต็มหลังรถเลย

เป็นการนั่งที่สแครชตูดมาก รถเลี้ยงครั้งนึงรูดครั้งนึง 55555555

ถึงแล้วว พี่เค้าคงรีบมาก ไม่ทันได้ขอบคุณก็ขับไปแล้ว เมื่อถึงแล้วด้านหน้าจะเป็นโรงเรียนครับ แล้วด้านหลังจะเป็นวัดและถ้ำ ผมไม่ได้ไปในวัดนะครับ กะจะมาดูถ้ำอย่างเดียว ถ้ำเชียงดาวเป็นทางผ่านที่จะไปยังเชียงดาว แต่จริงๆแล้วที่นี่ไม่ควรมองข้ามเลย ถึงจะไม่มีอะไรอลังการงานสร้าง แต่ก็ลองมาดูครับที่นี่มีอะไรบ้าง

จุดแรกเลย ไม่รู้ว่าเค้าเรียกว่าอะไรแต่ผมว่าสวยดีนะ เป็นดีเจ เอ้ยย เจดีย์ (นรกแดกหัวแล้วกู) 555 เป็นเจดีย์เก่าๆ ตั้งอยู่ด้านขวามือก่อนทางเดินเข้าวัด ผมชอบนะไม่รู้ทำไม มันดูเก่า ดูขลังดีอ่ะ ไปจุดต่อไปเลยดีกว่า

จริงๆผมก็ไม่ได้คิดจะแวะหรอกครับและก็ไม่รู้ด้วยว่ามีที่นี่อยู่ แต่ระหว่างหาข้อมูลก็ไปเห็นภาพสระน้ำนี่แหละในรีวิว ในรีวิวที่เห็นคือน้ำใสมาก ใส่กว่าที่ผมถ่ายมาอีก ก็เลยคิดว่าไหนๆก็มาแล้วแวะซักหน่อย ก็ได้มาเจอของจริงครับ ของจริงมันใสกว่าในภาพอีกนะ  น้ำนี่เป็นสีฟ้าแบบนี้เลยไม่ได้แต่งอะไรเพิ่มเติม ถ้าลงเล่นได้นี่ลงไปแล้ว 55555 ถ้าใครมาเชียงดาวก็ลองแวะมาดูได้นะครับ

ต่อไปได้เวลาเข้าถ้ำกันแล้ววว ตื้นเต้นๆ 555555 เต้นพ่องงง 5555 มาครับมาดูกันว่ามีอะไรบ้าง

มีคนขายตั๋วหน้าทางเข้า ราคา 40 บาท ก่อนเข้ามีกลุ่มคนคุยกันว่าทางเข้าแคบมากต้องลอด โห ตอนนั่นเริ่มตื้นเต้นขึ้นมานิดๆละ

ผ่างงงงง เมื่อเดินเข้ามาก็จะเห็นถึงความขลังของถ้ำ มีรูปปั้น พระพุทธรูป เต็มไปหมด

ผ่างงงงงง เจ้าแม่นาคีออกมาแล้ววว 55555 ล้อเล่นค่าบบบ

เมื่อเดินเข้ามาเรื่อยๆจะถึงจุดนี้ จะมีทางแยกไปยังถ้ำต่างๆ 3 เส้นทาง คือ 1.ถ้ำแก้ว ระยะทาง 734 ม.  2.ถ้ำม้า ระยะทาง 735 ม.  และ 3.ถ้ำพระนอน 360 ม. โดยสองเส้นทางแรกจะไม่มีไฟ ต้องเช่าตะเกียงเข้าไปและต้องจ้างป้าๆที่เป็นคนนำทางเข้าไปในถ้ำ ตะเกียง ราคา 100 บาท ค่าคนนำทางแล้วแต่เรา ผมให้ไป 80 บาท ผมเลือกเป็นถ้ำม้าครับ มาดูกันครับว่ามีอะไรในถ้ำ

ป้าที่นำทางก็จะอธิบายความเป็นมาของถ้ำ ซึ่ง กูจำไม่ได้เลย 55555 แล้วก็จะชี้ให้ดูเป็นจุดๆว่าเป็นรูปอะไรบ้าง เช่นรูปนี้ ป้าบอกว่าคือ ตัวนาก อุ๋งๆๆ เหมือนป่ะ 555

รูปประกอบให้เทียบดู 555

ดอกบัวหุบ

เอ่อออ อะไรเนี่ย จำไม่ได้ 555

ช้าง ที่ยาวๆตรงนั้นน่าจะเป็นงวงช้าง

จำที่บอกได้มะ ที่บอกว่ามีคนบอกว่าทางแคบก็ตรงนี้แหละ คิดว่าจะแคบยาวๆ โหยย 555 เข้าได้สบายไม่ต้องห่วง

รู้สึกว่านี่จะเป็นพญานาคนะ เจ้าแม่นาคี

ป้าบอกว่าตรงนี้เอาไว้เข้าเกียร์ กูก็งงไปดิเกียร์ไรวะ 55555 ก็เอาไว้จับเฉยๆอ่ะ

ป้าบอกว่าแถวนี้งูเยอะ ตกใจสัสคิดว่าในถ้ำมีงู แล้วป้าชี้ลงที่พื้นด้วย นี่ไงงู คือเป็นหินอ่ะ แต่แม้งเหมือนงูเลื้อยจริงๆอันนี้ สงสัยลูกสมุนเจ้าแม่นาคีตัวเมื่อกี่ 5555555

The Flash 555555

หัวใจช้าง

อะไรเนี่ยยย

ระหว่างเดินก็มีคนเดินหลายกลุ่มเหมือนกัน ผมมาคนเดียว ตอนแรกว่าจะจอยกับคนอื่น แต่ตอนนั้นคนน้อยเลยไม่ได้

ผมว่าจุดที่หวาดเสียวที่สุดก็ตรงทางลงถ้ำนี่แหละ ชันสัสสส ลงดีๆระวังลื่น

ที่นี่หินงอกหินย้อยเยอะเหมือนกันครับ

จบแล้ว 1 รอบ เหลืออีก 2 ถ้ำ ถ้าอยากต่อก็ไปได้ ถ้าเป็นถ้ำแก้วก็จ่ายค่าเหนื่อยให้ป้าอีกนิดหน่อย แต่ผมเลือกถ้ำพระนอนเพราะระยะทางสั้น เดินไปเองได้

เส้นทางถ้ำพระนอนเดินง่าย มีทางมีไฟ

มองเห็นหินงอกหินย้อยได้ง่ายกว่าถ้ำม้า เพราะมันไม่มืด 55555

เส้นทางนี้คนเดินกันเยอะกว่าอีกเส้นทางมาก

แฮร่ๆๆๆๆ ป้ายบอกว่านี่คือยักษ์ที่กินช้างในถ้ำ อะไรนี่แหละ แต่หน้าแอบหลอนเหมือนกันนะเนี่ย 555

ให้อีกภาพ 55555 ใครอ่านตอนกลางคืนขอให้หลับฝันดีนะครับ

 

ก่อนกลับก็ขอถ่ายกับเจดีย์เก่าๆนี่ก่อนละกัน ชอบมาก 5555

จบไปแล้วสำหรับ Part 1 ถ้ำเชียงดาว อันนี้ถือว่าเกริ่นๆไปก่อนละกัน พีคๆอยู่ที่ตอน 2 กับ 3   จะพยายามไม่ดองไม่ขี้เกียจนะ 5555

ติดตามรีวิวเกรียนๆแบบนี้ได้ที่ เที่ยวก่อนตาย Buckets List TH