สวัสดีครับ มาถึง Part 3 กันแล้ว หลังจากที่ดองและข้ามไปลงรีวิวอื่นมา ตอนนี้ก็ได้เวลากลับมาลงรีวิวทริปเหนือ LOST IN NORTH กันต่อ คือแม้ง กูไปตั้งแต่หน้าหนาว นี่จะหมดหน้าร้อนแล้ว กูพึ่งจะได้ลงครับ สัสเอ้ย 55555 โดยวันนี้จะพาไป บ้านจ่าโบ่ อ.ปางมะผ้า จ.แม่ฮ่องสอน เหตุผลที่อยากไป ก็คือตอนแรกไปเห็นภาพในเพจอะไรซักเพจนี่แหละ เป็นรูปหน้าผาสูงๆแล้วคือด้านล่าง แม้ง หมอกจะโดนเท้าอยู่แล้วอ่ะ คือสวยมากจริงๆ ก็เลยหาว่ามันอยู่ที่ไหน สรุปได้เรื่องว่าอยู่ที่ บ้านจ่าโบ่ ซึ่งถ้าพูดถึงชื่อนี้ หลายๆคนคงจะคิดถึง ก๋วยเตี๋ยวห้อยขาแน่ๆ แต่อยากจะบอกว่า ที่นี่แม้งไม่ได้มีแค่ก๋วยเตี๋ยวจริงๆ หลังจากหาข้อมูลก็ได้รู้ว่าที่นี่มีกิจกรรมให้ทำในหมู่บ้านหลายอย่าง เลยตัดสินใจที่จะเที่ยวอยู่ที่นี่ 3 วัน 2 คืน อยากอยู่แบบชิลๆ ทำกิจกรรมในหมู่บ้านให้ครบ คือมาแล้วกะจะเอาให้เต็มที่ จะเป็นยังไงมาดูกันเลยครับ
ก่อนไปอ่านกันต่อ ถ้าใครอยากอ่านสองตอนแรกก็ตามไปอ่านได้ในลิงก์ด้านล่างได้เลย
PART 1 – ถ้ำเชียงดาว อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ PART 2 – เชียงดาว อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่
หลังจากที่เที่ยวเชียงดาวเสร็จแล้ว ก็นั่งรถกลับมาที่เชียงใหม่ และนั่งรถตู้ที่อาเขตและซื้อตั๋วไปที่ อ.ปางมะผ้า บอกเค้าว่าลงที่ทางเข้าบ้านจ่าโบ่ ค่ารถตู้ เชียงใหม่ – ปางมะผ้า ราคา 250 บาท อยากจะบอกว่าเส้นทางจากเชียงใหม่ มาที่บ้านจ่าโบ่ เส้นทางแม้งระห่ำเหี้ยๆ โค้งเยอะชิบหาย 555 เทคนิคของกูคือ แดกยาแก้เมารถ 2 เม็ด แล้วก็หลับยาวๆ จริงๆเคยมาแม่ฮ่องสอนครั้งนึงแล้ว ครั้งนั้นมาเที่ยวที่ปาย และ ปางอุ๋ง ก็เกือบตายกับทางโค้งนี่เหมือนกัน 5555 แต่ถึงเส้นทางจะลำบากรันทนขนาดไหนก็ช่างมัน กูจะแดกยาแก้เมารถแล้วหลับจนกว่าจะถึงปลายทาง 55555 เอ่อ ลืมบอก จองตั๋วรอบกลับด้วยเลยนะ ในกรณีที่จะกลับมาเชียงใหม่ บอกเค้าว่าให้มารับที่ทางเข้าบ้านจ่าโบ่เหมือนเดิม
ตารางเดินรถ
ถึงแล้วบ้านจ่าโบ่ ขออธิบายนิดนึง ตอนมาถึงทางเข้าอ่ะ มันจะต้องนั่งรถขึ้นมาอีกซึ่งทางก็ชันพอสมควร มีให้เลือกสองแบบ คือโบกรถขึ้นมา กับ โทรหาที่บ้านจ่าโบ่ให้เค้าเอารถมารับ มีค่าบริการนะ ยังไงก็สอบถามทางบ้านจ่าโบ่ได้เลย เดี่ยวจะแนบช่องทางติดต่อให้ตอนท้ายของรีวิว เมื่อมาถึงแล้วก็จะมีชาวบ้านพาเราไปที่พักของเรา เห็นบ้านของชาวบ้านเป็นหลังๆในภาพใช่มะ นั่นแหละคือที่พัก คือที่พักของที่นี่เป็นโฮมสเตย์ให้เรานอนกับชาวบ้าน โดยเค้าจะเตรียมห้องไว้ให้เรา ที่พักที่นี่ มีพัดลม ผ้าห่ม หมอน ที่นอน คือก็มีทุกอย่างอะ ยกเว้นแอร์กับเครื่องทำน้ำอุ่น 55555 หนาวจะตายห่าละคงไม่มีใครอยากเปิดแอร์ และค่าที่พักคือถูกสัส คืนละ 200 บาท ค่าอาหารมื้อละ 100 บาท แดกได้ไม่อั้น วันนี้มาถึงก็เย็นมากแล้ว เลยเดินเล่นในหมู่บ้านเรื่อยๆ ที่นี่เป็นหมู่บ้านเล็กๆครับ เดินแป่ปเดี่ยวก็ครบละ
จุดนี้คือจุดชมวิวครับ หลายๆคนคงเคยเห็นจากรีวิวอื่นๆมาเยอะแล้ว ที่ถ่ายตรงเก้าอี้แล้วมีทะเลหมอกอยู่ด้านล่าง ส่วนตอนเย็นจะเป็นอีกอารมณ์เลย วิวสวยนะแต่ไม่ถึงกับสวยมาก แต่ก็ดูสงบดีในบรรยากาศแบบนี้ แต่คนก็ยังมาถ่ายรูปกันเยอะ หลังจากเดินเล่นถ่ายรูปเสร็จแล้ว ขอพักผ่อนหน่อยละกัน กลับไปที่พักก็กินมื้อเย็น คือตอนนนั้นกูขี้เกียจจริงๆไม่ได้ถ่ายอาหารมาเลย 5555 เดี่ยวถ่ายให้วันต่อไป กินเสร็จแล้วอากาศแม้งก็เริ่มเย็นขึ้นทุกที แล้วก็มาถึงช่วงเวลาที่โหดร้ายที่สุด นั้นก็คือ การอาบน้ำ 555 ไอเหี้ยคือหนาวมาก หนาวจนไข่แข็ง หนาวจนไข่ตายกันเลยที่เดียว 555555 อย่างที่บอก ไม่ว่าจะเช้าหรือเย็นที่นี่ไม่มีน้ำอุ่นนะ อาบๆไปเถอะ เต็มที่ก็แค่หนาวตาย 5555555 เมื่อเสร็จภารกิจทุกอย่างก็ได้เวลานอนแล้ว เจอกันพรุ่งนี้
ตื่นแล้วจ้าาา วันแรกไม่อยากตื่นเช้ามาก อยากนอนให้เต็มอิ่มหน่อยเพราะวันนี้ต้องเดินป่าตอน 10 โมง ตั้งปลุกไว้ 6.30 น. เพราะอยากตื่นมาดูพระอาทิตย์ขึ้น แล้วก็ดูหมอกตั้งแต่เช้า แต่อิเหี้ยย 5555 กูตื่นสาย ไปตื่นซะ 8.30 น. เหี้ยมากก 5555 ตื่นมานี่คิดอยากแรกเลย หมอกยังจะมีอยู่ไหมเนี่ยย รีบใส่รองเท้าแล้วเดินไปร้านก๋วยเตี๋ยวห้อยขาในตำนาน แต่พอมาถึงก็โล่งหน่อย หมอกยังไม่หมดโว้ยยย 555 คิดว่าจะพลาดแล้ว เมื่อมาถึงแล้วก็ต้องแดกสิครับ 5555 ตอนนั้นคือปริ่มมากก ดูมาหลายรีวิว ได้มาดูเองซักที อยากให้ทุกคนมาลองสัมผัสที่นี่นะ
มีเมนูไม่เยอะนะก็จะมี เกาเหลา ก๋วยเตี๋ยว ข้าวต้ม
แล้วก็จะมีกาแฟสด
บรรยากาศในร้านครับ เอาไปดูรูปเดียวก่อนนะ วันแรกขี้เกียจถ่าย 55555
ด้วยความที่หิวแล้วอยากลองชิมทุกอย่างเลย เลยสั่งแม้งสองชามเลย ข้าวต้มกับก๋วยเตี้ยวอะไรซักอย่างนี้แหละ ถ้วยละ 40 บาท ส่วนวิวนี่ของแถม 5555 มาสายไปหน่อยหมอกเลยเริ่มหายไปแล้วทางด้านร้านก๋วยเตี๋ยว แต่ไม่เป็นไร มีพรุ่งนี้อีกวันนึง จะมาดูหมอกแบบเต็มๆแม้งเลย 5555
มาดูมุมนี้กันบ้าง ดูมองนั่นสิคุณ เยอะเหี้ยๆๆๆๆ 55555
จุดนี้คือจุดที่คนชอบมานั่งห้อยขากันมากที่สุด แม้งมุมนี้เต็มตลอดเลย หาจังหวะนั่งไม่ได้ 55555
กินอิ่มแล้วขอถ่ายหมอกเล่นหน่อยละกัน กูปริ่มมากกกก 5555
เป็นมุมที่ทุกคนต้องมาถ่าย
อยากจะนั่งชิลๆที่เก้าอี้ซัก 20 นาที แต่ไม่ได้ 555 มีคนต่อคิวถ่ายรูปยุ
หมอกแม้ง เยอะมากจริงๆ ตอนนี้ 9.30 แล้ว
ดูหมอกมาเยอะแล้ว มาดูหมากันบ้าง 5555
แมวก็มีให้ดูน่าาาา เมี้ยวๆๆ
ถ้ากลับมาครั้งหน้า จะขอเปลี่ยนบรรยากาศมานอนเต้นท์บ้าง คือมันอยู่บนเนินอ่ะ คือถ้าตื่นมาก็จะเห็นหมอกแบบเต็มๆตาเลยอ่ะ
ด้านหน้าร้านก๋วยเตี๋ยวจะมีร้านค้าของชาวบ้านมาตั้งขายกัน
ระหว่างทางเดินกลับที่พัก เพื่อเตรียมตัวมาเดินป่า ก็เดินถ่ายบรรยากาศในหมู่บ้านไปเรื่อยๆ
หลังจากเตรียมตัวเสร็จแล้ว จริงๆคือกูแค่ไปล้างหน้าแปรงฟัน 5555 มาพูดถึงเรื่องเดินป่ากันก่อน เดินป่าเป็นกิจกรรมหนึ่งของบ้านจ่าโบ่ ซึ้งเป็นการเดินป่าระยะทางไม่ใกล้ไม่ไกล ประมาณ 7 กิโล เดินกันประมาณ 4 ชม. เป็นการเดินป่าสลับกับไร่ข้าวโพดของชาวบ้าน (แต่ตอนที่กูไปคือเค้าเก็บข้าวโพดไปหมดแล้ว มันเลยดูแห้งๆไป 555 แนะนำให้มาช่วงปลายฝนต้นหนาว จะยั่งมีข้าวโพดอยู่เพราะยังไม่เก็บเกี่ยว ช่วงนั้นจะสวยกว่า ) แล้วก็จะไปที่ถ้ำผีแมน ถ้ำผีแมน อะไรว่ะ ? งงดิสัส 55555 อ่านไปเรื่อยๆ เดี่ยวบอกเอง 555 โดยการเดินป่ามีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 350 บาท ถ้าใครสนใจก็ถามเจ้าของบ้านที่เราพักได้เลย ว่าอยากเดินป่า เค้าจะติดต่อให้เราเอง จะมีคนนำทางให้เรา 1 คน ต่อ 1 กลุ่ม
และคนนำทางของผมวันนี้ก็คือออออออ จ่างะ จะขออธิบายนิดนึง สำหรับบ้านจ่าโบ่ ผู้ชายจะมีคำนำหน้าว่า “จ่า” ไม่ใช่ตำรวจนะสัส 5555 ส่วนผู้หญิง จะนำหน้าว่า “นา” มาลุยกันต่อเลยดีกว่า เริ่มเดินกันจากด้านหน้าร้านก๋วยเตียว จะเป็นเส้นทางเดินป่าเข้าไป
เดินไปได้นิดนึง “จ่างะ” พี่แกก็กระโดดลงไปข้างทาง 555 กูงงไปแป่ปนึง คิดว่าพี่แกเจองู
ที่ไหนได้แกเจอรูอะไรไม่รู้ แล้วไปขุดมันแกวมาให้ 5555 กูคิดในใจ กูต้องแดกมันใช่ไหม 555555
อื่มมมม กูต้องแดกมันจริงๆด้วย 55555 จ่างะครับ ช่วยเอาดินออกหน่อย 55555
จ่างะ ก็ใช้มีดที่เปื้อนดินเอาดินออกให้ 55555 ล้อเล่นน ก็เอาดินออกจนหมด
ขอลองดูซักคำวะ คำแรกผ่านไป คำสอง คำสาม ค่อยๆผ่านไป เออ มันก็หวานนิดๆ อร่อยดีก็กินไปได้ครึ่งลูกแล้วก็แอบโยนทิ้ง 5555
เดินมาได้ซักพักนึง ก็ถึงจุดพักแรกแล้ว เป็นที่เก็บข้าวโพด
จ่างะก็เริ่มบรรเลงของว่าง มะละกอ 555 แต่อยากจะบอกว่า ผม ไม่ แดก มะ ละ กอ 555555 แต่ก็โดนยื่นให้แล้ว หน้าที่กูก็คือกินเท่านั้น 55555 เป็นการกินมะละกอครั้งแรก กินไปแบบเต็มที่แล้วหมดไปแค่ครึ้งนึง คือแม้งอร่อยนะเว้ย แต่กูไม่ชอบจริงๆ 5555 ตอนนั้นกูหาจังหวะโยนทิ้งเว้ย แบบไม่ให้เขาเห็น ….. พอได้จังหวะแล้วกูก็โยนไปข้างทาง ในจังหวะที่กูกำลังหันหน้ากลับมาที่ป้าคนหนึ่งก็หัวเราะ 5555 สัสเอ้ยยยย เกรงใจเลยย 55555 พักพอละไปต่อกันดีกว่า
เดินต่อกันไป ถ้ามาช่วงปลายฝนต้นหนาวนะ ที่นี่น่าจะชุ่มชื้นและเขียวกว่านี้ แต่สำหรับผมแบบไหนก็ได้หมดแหละ แต่ตอนนี้เริ่มร้อนนิดๆละ ถึงจะหน้าหนาวก็เถอะ แต่แดดมันเยอะ 5555
มาถึงจุดพักอีกจุด คือไม่ใช่จุดพักหรอก แต่อยากพักก็บอกคนนำทาง พักได้ตลอด 5555
เดินเข้าไปอย่าได้ถอย พวกเราคอยเอาใจช่วยอยู่ เดี่ยวๆๆ ไอสัส ไม่ได้ไปประท้วง 555555 จะถึงแล้ว ตรงนี้เป็นเล้าหมู มาดูหมูกันน
ถึงแล้วววว
ว่าแต่เที่ยงๆนี้ร้อนชิบหายเลยโว้ยยย 55555 ชูนิวกลางให้กับแดดที่โคตรร้อน
เจ้าหมูออกมาแล้ว หมู่ที่นี่ขะเป็นหมูดำ เหมือนจะเป็นความเชื่อของเค้าด้วยนะว่าสีดำเป็นสีที่ดี และเนื้อหมูที่เรากินกันในอาหารก็เป็นเนื้อหมูเหล่านี้แหละครับ แต่ไม่ทั้งหมดนะบางเมนูก็หมูทั่วๆไป แต่หมูดำจะอร่อยกว่า
อู๊ดๆๆๆ
วิวของจุดนี้ก็สวยดีโอเคเลย ขอถ่ายเก็บไว้หน่อย
แล้วที่สงสัยคือ หมูที่นี่แม้งแดกเหี้ยไรเนี่ย 55555 คือมันไม่มีอาหารในถาดอ่ะ 555 สงสัยหิว เจ้าของยังไม่เอาอาหารมาให้ 555
ดูหมูกันเสร็จแล้ว ก็ถึงเวลาเดินต่อ เห็นเศษซากของข้าวโพดไหม ถ้ามาช่วงปลายๆฝนนะ จุดนี้คงเป็นดงของข้าวโพด 555
จุดต่อไปที่เรากำลังถึงคือจุดที่สำคัญที่สุด 5555 พักกินข้าวเที่ยงนั่นเอง 555 หิวจะตายแล้ววว
เสียดายที่วันนี้ท้องฟ้าไม่มีเมฆเลย
ระหว่างทางเดินใกล้ถึงจุดกินข้าว จ่างะบอกว่าส้มพวกนี้กินได้ กูนี่หิวเลย น่ากินมากก เต็มต้นเลย พอแดกคำแรกแค่นั้นแหละ 555 ตาบอดเลยสัส เปรียวจนลืมตาไม่ขึ้น 5555 ใครได้มาควรลอง
และแล้วก็มาถึงมื้อเที่ยงแล้ว รอคอยมานาน 5555555 กินได้เต็มที่เลย เอาให้หายเหนื่อย เพราะต้องมีเดินต่ออีก
อิ่มแล้วก็ได้เวลาเดินต่อ สถานีต่อไป “ถ้ำผีแมน”
เดินไปได้ซักพัก จ่างะก็ไปหยิบอะไรมาให้กินอีกแล้วก็ไม่รู้ 55555 แต่อันนี้อร่อยนะกินแล้ว ไม่ตาย 5555
เดินไปเรื่อยๆจ้า เดี่ยวก็ถึง… เดี่ยวนี่อีกนานไหมวะ 5555
และแล้วเราก็มาถึง “ถ้ำผีแมน” กันแล้วโว้ยยย ถ้ำผีแมน ถ้าให้อธิบายกันสั้นเลยก็คือ เป็นถ้ำที่เอาไว้เก็บโลงศพไม้ที่มีอายุกว่า 2,000 ปี คือนานมากกกก แล้วคือแค่นี้ยังธรรมดา แต่ที่พีคคือ โลงศพใหญ่มากก เอางี้ดีกว่า คือใหญ่กว่าปากถ้ำ แล้วทางเข้าถ้ำคือต้องเดินขึ้นเนินที่ชันมาก ดูได้จากภาพได้เลย แล้วโลงศพอ่ะ คือเป็นไม้ซุงอ่ะ นึกภาพซุงที่ช้างลาก แบบโคตรหนักอ่ะ ที่ไปมาคือก็งงเหมือนกันว่าเอาเข้าไปได้ยังไง แต่ที่นี่มีตำนานอยู่นะ ว่าผีเป็นคนเอามา… คือตำนานมีเยอะเว้ย แต่เล่าหมดมันจะไปสนุกได้ไง ไปเองแล้วไปฟังจากปากชาวบ้านเองดีกว่า ข้างในเป็นยังไงมาดูกัน
ชันไหมละ จับไม่ดีนี่ร่วงได้นะ
ก่อนเข้าก็มีการแสดงความเคารพกันนิดหน่อย
โลงแรกที่เจอ ในภาพอาจจะดูไม่ใหญ่ แต่จริงๆคือใหญ่ใช่เล่นเลย
ถ้ำที่นี่ใหญ่พอสมควรเลย มีทางให้ลงไปดูด้านล่าง
ลองดูเทียบกับขนาดคนด้านหลังดู ใหญ่ไหมละ 5555
การเข้าไปด้านในก็มีการปีนป่ายกันบ้าง 555
ส่วนโลงนี้ที่อยู่ด้านบนคืองงมาก ใครเอาไปไว้บนนั้น มันหนักนะเว้ย
วิวจากด้านหน้าปากถ้ำ สูงเหมือนกันนะเนี่ย หลังจากดูถ้ำผีแมนกันเสร็จแล้ว ก็ได้เวลาเดินกลับ เดินนิดนึงก็ถึงหมูบ้านละ
มาดูกันว่าบ้านที่เราอยู่เป็นยังไง มีอะไรบ้าง
ส่วนนี่ห้องนอน ก่อนมาเค้าทำไว้ดีนะ พอกูมานอนเท่านั้นแหละ เละ 5555555
ตอนนั้นก็บ่าย 4 แล้ว ก็ไปเดินเล่น ซื้อโกโก้มาลองกินดู รสชาติก็โอเคกำลังดี ก็เดินเล่นไปเรื่อยๆ รอมื้อเย็น พิเศษมื้อเย็นวันนี้ รู้สึกอยากกินอะไรแปลกๆ เลยถามป้าเจ้าของบ้านว่ามีอะไรแนะนำบ้าง แกก็บอกว่ามี ไก่ย่างลาหู่ เป็นสูตรชาวเขา กูนี่ตาลุกวาวเลย แต่แกบอกว่าต้องซื้อไก่มาให้นะ ก็ซื้อมา 40 บาท ให้ป้าแกทำให้ ที่นี่มีร้านค้านะ มีทั้งขนม นม น้ำ ของใช้ต่างๆ ของสดก็ด้วย ถ้าไปกันเป็นกลุ่ม อยากซื้อไก่ ซื้อหมู มาปิ้งย่างกินกันตอนค่ำๆ ก็ทำได้ อยากทำไรบอกเจ้าของบ้านเลย 5555 แต่นี่มาคนเดียว เลยขอสงบๆดีกว่า 5555
เดินเล่นถ่ายรูปเล่นไปเรื่อยๆ รอกินมื้อเย็น
เดินมาที่จุดถ่ายรูปยอดฮิตอีกแล้ว คนยังเยอะเหมือนเดิม แม้จะเป็นช่วงเย็น อากาศตอนนี้หนาวนิดๆ กำลังดีเลย
ร้านก๋วยเตี๋ยว ประมาณเที่ยงๆก็รู้สึกว่าจะปิดแล้วนะ แล้วแต่วัน ของหมดก็น่าจะปิด แต่ร้านกาแฟด้านในเปิดถึงช่วงเย็น
นี่ไง “ไก่ย่างลาหู่” ที่บอกไป
ถ่ายอาหารมาแค่นี้แหละ พอดีหิว 555555 อร่อยทุกอย่างจริงๆ น้ำพริกก็ไม่เผ็ด กินได้ ไก่นี่เด็ดมาก ใครมาควรลองง ไม่อิ่มก็ขอเพิ่มได้ตลอดเลย คิดว่าอยู่บ้านตัวเองละกัน 555 แต่แค่นี้ก็อิ่มมากแล้ว
หลังจากกินเสร็จก็ไปอาบน้ำ น้ำแม้งก็ยังเย็นไม่เปลี่ยนแปลง 5555 แล้วก็ประมาณ 4 ทุ่ม ก็ออกมาถ่ายดาว คืออยากบอกว่าที่นี่ดาวเยอะมาก เยอะเหี้ยๆอ่ะ แล้วกูก็อยากถ่ายดาวมานานแล้ว ถ่ายกี่ครั้งก็ไม่เป็นชิ้นเป็นอันซักที คือกูถ่ายไม่เป็นเลยจริงๆ ก็ลองผิดลองถูก ได้รูปนี้มารูปนึง 5555 ซึ้งแม้งมองไม่ค่อยจะเห็นเลย 55555 แต่ของจริงคือเยอะมากกกก แล้วก็กลับไปนอน เพราะพรุ่งนี้ต้องตื่น ตี 5 เพื่อไปสถานทีที่เป็นเป้าหมายแรกในการมาบ้านจ่าโบ่ ก็คือที่ “ภูผาหมอก” ขอนอนก่อนนะ 5555
เช้าแล้ววโว้ยย 55555 กูรีบตื่นอย่างไว ขอบอกก่อนว่า ภูผาหมอก เป็นสถานที่เที่ยวอีกที่ของบ้านจ่าโบ่ ซึ่งการไปภูผาหมอกต้องมีคนนำทางหนึ่งคน ค่านำทาง 100 บาท เมื่อตื่นตี 5 ก็ไปบอกเจ้าของบ้าน เค้าจะเรียกคนนำทางมาให้ แล้วจะพาเราขับมอเตอร์ไซต์ไปยังภูผาหมอก ที่นี่เป็นภูเขาหินปูน ที่ต้องปีนป่ายขึ้นไป ใส่รองเท้าดีๆนะ เพราะหินก็ค่อนข้างคมระวังกันด้วยสัสตอนปีน 555 ขับรถไปจากที่พักนิดเดียวก็ถึงแล้ว การขึ้นไปที่ภูผาหมอกไม่ไกลครับ แต่ทางก็ชันนิดหน่อย ประมาณ 10 นาทีก็ไปถึง แต่อยากจะบอกว่า ตอนเช้าอากาศแม้ง หนาวเหี้ยๆๆๆ กูต้องใส่เสื้อหนาวไปสองตัว 5555 แล้วด้านบนคือเย็นชิบหาย ที่พีคสุดๆคือดาว อีกเหี้ยย ดาวตอนตี 5 แม้งเยอะแบบเยอะอะสัส กูบรรยายไม่ถูก แต่เอาเป็นว่าคนถ่ายดาวไม่เป็นแบบกูก็ถ่ายดาวออกมาได้ เพราะมันเยอะมาก 55555 ไปดูบรรยากาศกันเลยว่าภูผาหมอก แม้งสวยขนาดไหน
เป็นภาพดาวที่ดูเป็นดาวที่สุดในชีวิต 555555
แสงเริ่มมา เริ่มเช้าแล้ว ดูดาวกันเต็มอิ่ม ตอนนี้ก็ถึงคิวของหมอกแล้ว
ดูหมอกไหลไปดิ ไหลเป็นคลื่นเลยสัส 5555
แต่หมอกวันนี้ถือว่าน้อยกว่าปกติ หมอกไหลไปไม่ถึงร้านก๋วยเตี๋ยว คือถ้ามาที่นี่เมื่อวานนะ จะเจอหมอกเต็มอิ่มกว่านี้ แต่กูไม่คิดมากหรอก 5555 ธรรมชาติก็แบบนี้แหละ ไม่มีอะไรกำหนดได้ 555 สัส ทำเป็นพูดหล่อ จริงๆอยากจะกลับไปตอนมีหมอกเยอะๆใจจะขาด 555555
ดวงอาทิตย์โผล่หัวออกมาแล้ววว
บ้านจ่าโบ่ยามเช้า ในวันที่หมอกไปไม่ถึงร้านก๋วยเตี๋ยว
มันจ้าาาซะเหลือเกินนนน
จากการที่ได้ถามกับคนนำทางเค้าบอกว่าที่นี่ ถ้าวันหยุดคนจะเยอะมาก แบบว่ามากันจนบนภูนี่แทบไม่มีที่ยืน รู้สึกโชคดีที่มาวันปกติ คนขึ้นมาไม่เยอะ เลยถ่ายรูปได้แบบเต็มที่
ไม่รู้คนอื่นเป็นหรือเปล่า แต่กูรู้สึกว่าไม่อยากลงไปเลย อยากอยู่อีกซัก 2 ชม. คือถ่ายยังไงมันก็สวยอ่ะ คือชอบ 5555 แต่ว่าหันไปมองคนนำทาง กูนี่สงสารเลย คนขึ้นมาหลังกูแม้งลงไปหมดแล้ว 555555 กูมาคนแรกและอยู่เป็นคนสุดท้าย 5555 คนนำทางคงคิดในใจ มึงจะอยู่ทั้งวันเลยไหมสัส 555555
ถึงจะมีความสุขกับที่นี่ขนาดไหน สุดท้ายก็ต้องกลับ กลับมมาที่พัก อาบน้ำ เก็บของ แล้วก็บอกลาป้า บอกแกว่าจะกลับมาใหม่ ถ้ามีโอกาสได้มาแม่ฮ่องสอน ต้องกลับมาอีกแน่ๆครับ
ก่อนกลับก็ขอกินอะไรรองท้องหน่อยละกัน วันนี้คนค่อนข้างน้อยกว่าเมื่อวาน
ถ่ายบรรยากาศในร้านมาให้ดู วันนี้เสียดายที่ไม่มีหมอก แต่ก็ไม่ได้ทำให้เสน่ของที่นี่ลดลงไปเลย
โกโก้ร้อนก่อนกลับ
ขออีกซักรูปละกันก่อนจะกลับ 555 สัญญาว่าจะกลับมาใหม่ ถึงกูจะต้องอ้วกระหว่างทางก็เถอะ
ตอนกลับง่ายครับ รอโบกรถลงมาด้านล่างเลย มาก่อนเวลาที่รถตู้นัดไว้หน่อยก็ดีนะ
รอรถตู้่มารับกลับเชียงใหม่
สำหรับคนที่อยากไปเที่ยวแบบนี้ที่บ้านจ่าโบ่ ราคาดูได้ตามนี้เลยครับ
ติดต่อคุณศรชัย 080 677 5794
เฟสบุค https://www.facebook.com/cbtbaanjabo
ก็จบกันไปแล้วนะสำหรับทริป LOST IN NORTH ทั้งหมด 3 Part 55555 หวังว่าจะเป็นแรงกระตุ้นให้พวกมึงอยากออกเดินทางขึ้นมาได้ไม่มากก็น้อย 55555 หลังจากนี้ก็คงตามลงรีวิวทริปที่ดองไว้อีกสามร้อยกว่าทริป ถุยยย 5555 ยังไงถ้าชอบก็แชร์ ไม่ชอบก็ด่ากูได้เลยนะ 5555 ขอบคุณที่อ่านมาถึงตรงนี้ ลาก่อยยย 55555
ติดตามรีวิวเกรียนๆแบบนี้ได้ที่ เที่ยวก่อนตาย Buckets List TH