“อินเดีย” อีกหนึ่งประเทศที่คุณต้องไปก่อนตาย EP.1 I 7 วัน 6 คืน งบ 16,000 บาท (รวมทุกอย่าง)

อย่าเพิ่งตัดสินว่าที่นี่ไม่ดีถ้าคุณไม่ยังเคยไปสัมผัส
เพราะสำหรับเรา “อินเดีย” เป็นอีกหนึ่งประเทศที่ต้องไปก่อนตาย

ทริปนี้เราไปมาทั้งหมด 3 เมือง เดลี – ชัยปุระ – มะนาลี
ใช้เวลา 7 วัน 6 คืน งบ 16,000 บาท (รวมทุกอย่าง)

ย้อนกลับไปเมื่อสมัยที่เราเริ่มเที่ยวใหม่ๆ ตอนนั้นมีสถานที่และประเทศต่างๆที่เราอยากไปเข้ามาในหัวเยอะมาก แต่ถ้าพูดถึงประเทศแรกๆที่เรายังไม่อยากไปเลยก็คือ “อินเดีย” นี่แหละ 55555555 ด้วยเหตุผลที่ว่าเคยอ่านเคยได้ยินข้อมูลต่างๆนาๆไม่ว่าจะเป็น อินเดียสกปรก อาหารไม่อร่อย ที่พักไม่ดี น่ากลัว และอื่นๆอีกมากมายที่ทำให้ประเทศนี้มันดูแย่และไม่น่าไปเที่ยวเลยจริงๆ แต่เวลาผ่านไปเราเริ่มเที่ยวเยอะขึ้นได้เจออะไรใหม่ๆเยอะขึ้น จากที่เคยคิดว่าอินเดียไม่น่าเที่ยว กลับกลายเป็นว่า “ก่อนตายแม่งต้องไปให้ได้สักครั้งนึงอ่ะ” ด้วยเหตุนี่แหละจึงทำให้เกิดทริปนี้ขึ้นมา 5555

และหลังจากที่ได้ไปสัมผัสอินเดียมาเป็นเวลา 7 วัน 6 คืน ถ้าถามว่าเรื่องไม่ดีต่างๆนาๆที่เคยได้ยินมาของอินเดียเป็นเรื่องจริงไหม เราขอตอบตรงนี้เลยว่า……จริงงงง ถุยยยย 55555555 ล้อเล่นโว้ยยยย เราว่าเรื่องนี้มันแล้วแต่คนมากกว่า อย่างที่มีคนเคยพูดไว้ว่า “อินเดียถ้าไม่รักก็ก็คือเกลียดไปเลย” 55555

แต่สำหรับเรามันเอนไปทางชอบมากกว่า เราชอบอาหารอินเดียแต่ไม่ใช่ร้านข้างทางนะ(กุเลือกแดกเหมือนกัน)  ชอบนิสัยคนอินเดีย(มึนดี) 55555 ชอบสถานที่ท่องเที่ยวของอินเดีย (ทั้งที่เที่ยวในเมืองและที่เที่ยวธรรมชาติ) ชอบที่ประเทศนี้เที่ยวได้ถูกมาก (เราไปมา 7 วัน 6 คืน ใช้งบไปแค่ 16,000 บาท ราคานี้รวมทุกอย่าง) แต่สิ่งที่ไม่ชอบก็มีหลายอย่างเหมือนกันไม่ว่าจะเป็น โรงแรมไม่สะอาดถ้าเลือกไม่ดี / เมืองไม่มีระเบียบ / ฝุ่นเยอะชิบหาย และอื่นๆอีกมากมาย เป็นเมืองที่ผสมระหว่างหยินและหยางได้อย่างลงตัวสัสๆ 555555

และหลังจากจบทริปนี้จากความคิดที่ว่า “อยากไปลองสักครั้ง” กลับเปลี่ยนเป็น “กูต้องกลับไปอีกครั้งให้ได้” เพราะรู้สึกว่าประเทศนี้ไปครั้งเดียวไม่พอจริงๆ 5555

อย่างที่บอกไปข้างต้นทริปนี้เราไป 7 วัน 6 คืน ไปมาทั้งหมด 3 เมืองคือ เดลี – ชัยปุระ – มะนาลี เลยอยากจะขอแยกเป็น 2 EP ดังนี้

Ep.1 : เดลี – ชัยปุระ
Ep.2 : มะนาลี (ต้องแยกไปทำรีวิวเดี่ยวเพราะเราแม่งโคตรชอบเมืองนี้ 5555) > https://bit.ly/37HFxYX

สำหรับ EP.1 พร้อมแล้วก็ไปอ่านกันเลยยยย

Ep.1 Delhi – Jaipur

วันที่ 1

สำหรับการเดินทางไปอินเดียเราเดินทางด้วยสายการบิน NokScoot บินตรงจากดอนเมืองไปลงสนามบินเดลี ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง ไม่ต้องกลัวว่านั่งนานแล้วจะเมื่อย เครื่องบินลำใหญ่นั่งสบาย ถ้าเอาหมอนรองคอไปด้วยนี่หลับได้เลย 555 ส่วนเรื่องราคาถูกมาก เริ่มต้นที่ 3,100 บาท เพราะ NokScoot เป็นสายการบินราคาประหยัดอยู่แล้ว แต่ถ้าจองช่วงโปรหรือหาช่วงเวลาดีๆอาจจะได้ถูกว่านี้ ตอนเราจองได้ไปประมาณ 2,900 บาท ( ตรวจสอบเที่ยวบินได้ที่ http://www.nokscoot.com ) 

#NokScoot  #บินไกลสบายกว่าราคาคุ้ม  #บินตรงเดลีกับนกสกู๊ต

นกสกู๊ตมีเที่ยวบินบินตรงจากดอนเมือง-เดลี 4 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ อยากเที่ยวเดลีเมื่อไหร่อย่าลืมคิดถึงนกสกู๊ต โดยเครื่องจะออกจากไทยรอบดึกและไปถึงอินเดียประมาณเที่ยงคืน

ช่วงที่ผ่านมาเราเห็นผ่านๆว่าคนพูดถึง Nokscoot ว่าเป็นสายการบินที่ cancel ไฟล์ทบ่อย  แต่เท่าที่เราเจอเราไม่เคยโดนเลยนะพูดจริง ส่วนใหญ่เราไปต่างประเทศก็จะไปกับ Nokscoot แทบจะทุกครั้ง ลองหารีวิวต่างประเทศของเราดูได้เลย 55555 ถ้าจอง  Nokscoot รับรองว่าไม่โดนเทแน่นอนไม่ต้องห่วง

นกสกู๊ตใช้เครื่องบิน โบอิ้ง 777 ลำใหญ่ ผังที่นั่งแบบ 3-4-3 นั่งสบายกว่า เหยียดขาได้ยาว ไม่เมื่อย ไม่อึดอัด

นั่งกันยาวๆ 4 ชม. เราก็มาถึงสนามบินเดลี อย่างที่บอกไปเราถึงเดลีเวลาประมาณเที่ยงคืนของเวลาอินเดีย (อินเดียเวลาช้ากว่าไทย 1 ชั่วโมง 30 นาที)

ก่อนอื่นเราขอพูดถึงเรื่องรายละเอียดการเดินทางก่อนนะ 

  • การไปเที่ยวอินเดียต้องมีวีซ่า (ปัจจุบันค่าสมัครอยู่ที่  25 USD ประมาณ 760 บาท อายุ 30 วัน เข้า/ออกประเทศได้ 2 ครั้ง) โดยสามารถสมัครทาง online ได้ด้วยตัวเอง
  • สำหรับการเดินทางในเดลีและชัยปุระ เราเลือกที่จะเช่ารถพร้อมคนขับของ Ranthambore Tour Cab โดยการเดินทางที่สะดวกที่สุดก็เป็นวิธีนี้แหละลดเวลาในการหลงและงงในการเดินทางไปได้เยอะ 5555 เราเช่าไป 3 วัน สำหรับค่าใช้จ่ายจะอยู่ที่ 4,500 บาท ราคาต่อคนก็จะอยู่ที่ 1,500 บาท เฉลี่ยต่อวันก็จะอยู่ที่ 500 บาท/คน สำหรับเราถือว่าไม่แพงเลย
  • ในเรื่องของซิมนั้นซื้อไปจากไทยเลยสะดวกสุด เราไม่มีแนะนำเป็นพิเศษว่าควรซื้อค่ายไหน เพราะเหมือนซิมที่ซื้อไปจากไทยเมื่อไปใช้สัญญาณจะไม่ค่อยดี บางที่ก็แรงบางที่ก็ช้า
  • ตอนจองที่พักควรเลือกที่พักดีๆอ่านรีวิวเยอะๆเพราะถ้าเลือกไม่ดีอาจจะเจอห้องพักที่ไม่สะอาดก็เป็นได้ 5555
  • สำหรับเราอาหารอินเดียไม่ได้แย่อย่างที่คิด เราชอบหลายเมนูเลยแต่จำชื่อเมนูไม่ได้ 555 ต้องลองสั่งมากินดูอ่ะ ให้คนขับคอยแนะนำก็ได้ แต่ไม่แนะนำพวกอาหารข้างทางนะเพราะอาจจะไม่สะอาด คนขับรถยังไม่แนะนำเลย 5555

หลักๆก็ประมาณนี้แหละสำหรับการเตรียมตัวก่อนเดินทาง

เราถึงอินเดียประมาณเที่ยงคืน ซึ่งตอนเช่ารถพร้อมคนขับเราก็แจ้งเขาไว้แล้วให้มารับเราที่สนามบินเดลี และก็ส่งแพลนต่างๆที่เราวางไว้ให้เขา เขาก็จะดูและประเมินราคาและแจ้งราคาเรามาตั้งแต่ตอนอยู่ไทย ส่วนเรื่องเงินไม่ต้องกลัวโดนโกงเพราะเจ้านี้เก็บเงินครั้งเดียวตอนจบทริป  5555 คนขับมารอเราตามเวลานัด และหลังจากเจอกันเราก็ไปที่รถและออกเดินทางกัน ตามแพลนเดิมคืนนี้เราจะพักที่เดลีแล้วตอนเช้าจะเดินทางไปชัยปุระ แต่แล้วความมึนก็บังเกิด 55555 คนขับรถพาเราขับไปเรื่อยๆเราก็เริ่มงงว่าจริงๆโรงแรมมันใก้สนามบินนี่หว่าทำไมมันนานจัง เลยคุยกับคนขับสรุปว่า เข้าใจกันผิดคนขับคิดว่าเราจะเดินทางยาวๆไปชัยปุระตั้งแต่คืนนี้เลย 555555  แต่เรานั่งคิดกันดูแล้วเออมันก็ไม่ต่างกันถ้าจะไปตั้งแต่คืนนี้ ก็เลยปล่อยเลยตามเลย มาโผล่อีกทีก็ตอนเช้าที่ชัยปุระแบบงงๆ 5555

เราขอแนะนำให้รู้จักคนขับของเราในทริปนี้ เขาผู้นี้ชื่อสิงห์ 55555 หลายๆคนอาจจะงงว่าทำไมชื่อเหมือนคนไทย อยากจะบอกว่ากุก็งงเหมือนกัน 55555 ถึงจะบอกไปว่าเมื่อคืนมีมึนๆกันไปบ้าง แต่จริงๆแล้วสิงห์เป็นคนขับที่นิสัยดีมากกกก ชวนคุยเก่ง และแนะนำเรื่องต่างๆเยอะเลย อะไรดีก็บอกว่าดีอะไรไม่ดีก็บอกว่าไม่ดี โดยเฉพาะอาหารเขาจะแนะนำเลยว่าอันไหนควรลองอันไหนไม่ควรลอง เพราะเขารับแขกคนไทยมาเยอะเลยพอจะรู้ว่าคนไทยชอบรสชาติแบบไหน และสิงห์เป็นคนที่พูดไทยได้นิดหน่อย แบบนิดหน่อยจริงๆ 5555 คุยด้วยก็ตลกดีถึงจะงงๆกันบ่อยก็เถอะ 5555 แต่ถือว่าสิงห์เป็นตัวช่วยสำคัญที่ทำให้ทริปนี้สนุกขึ้นเยอะ ถ้าใครจะตามรอยเราหรือจะไปเมืองอื่นก็ลองติดต่อไปดูนะ ไม่ผิดหวังแน่นอน 5555

หลังจากสิงห์ส่งเราเข้าที่พักเราก็ขอนอนพักกันสักหน่อยนัดเจอกันอีกทีก็ตอนเที่ยงเลย และหลังจากนี้เราจะเข้าเรื่องสถานที่ท่องเที่ยวรัวๆแล้วนะ จะไม่มีบอกการเดินทางจากสถานที่หนึ่งไปอีกสถานที่หนึ่ง เพราะในตลอดทั้งสองสามวันนี้สิงห์จะคอยรับส่งเราตลอด 55555 เชื่อเถอะว่าตามรอยง่ายแน่นอน

Amber Fort

ป้อมอาเมร์หรือพระราชวังอาเมร์ ป้อมปราการขนาดใหญ่ บนภูเขาาเหนือทะเลสาป หนึ่งในสิ่งก่อสร้างที่ขึ้นชื่อของเมืองชัยปุระ บางรีวิวบอกว่าถ้าจะขึ้นไปด้านบนต้องนั่งรถจิ๊ปไม่ก็ขี่ช้างแต่ไกด์เราดีมากพาขึ้นไปส่งถึงด้านบน ละเดินขึ้นไปอีกนิดหน่อย ส่วนค่าเข้าวันที่เราไปฟรี เพราะตรงกับวันฮินดูของที่นั่นพอดี ปกติต้องเสียค่าเข้าคนละ 500 รูปี

บรรยากาศด้านนอกก็ยิ่งใหญ่ประมาณนี้แหละ

ไปดูบรรยากาศด้านในกันบ้างดีกว่า มีมุมถ่ายรูปสวยๆเยอะเลย

เนื่องจากวันนี้เข้าฟรีนักท่องเที่ยวเลยมากันเยอะมาก

มาเที่ยวอินเดียสิ่งที่คุณต้องเจอเลยก็คือคนมาขอถ่ายรูป 5555

เผื่อเวลาไว้สำหรับที่นี่เยอะๆนะเพราะมุมสวยๆเยอะมากกก

วิวสวยๆจาก Amber Fort

Galta Ji Temple หรือ Monkey Temple
วัดของชาวฮินดูที่เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมสวยงาม ด้านบนมีบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวบ้านนิยมไปอาบน้ำและขอพรแต่ถ้าถามว่าเราจะอาบไหมตอบเลยว่า ไม่ 555555 และอีกหนึ่งจุดเด่นคือที่นี่เป็นวัดที่มีลิงเยอะมากกก โดยการเข้าไปเที่ยวข้างในจะมีไกด์คอยแนะนำ โดยเขาจะพาเราไปแบบเนียนๆโดยเรายังไม่ได้ขอ 55555 โดยตอนเที่ยวเสร็จเราจะให้ทิปเขาเท่าไหร่ก็แล้วต่เราเลย ให้นิดหน่อยพอนะ 555

ที่นี่ใครจะเอากล้อง โทรศัพเข้าไปต้องเสียเพิ่ม 50 รูปี/เครื่อง

ไกด์ก็จะเอาอาหารยัดมือเรารัวๆเพื่อให้ลิงมากินและถ่ายรูป 5555

ตรงบ่อน้ำเป็นอีกหนึ่งจุดที่ถ้าใครมาควรไปถ่ายรูปมากๆ

มุมนี้ก็สวย จริงๆก็ไม่รู้หรอกว่ามันสวยถ้าไกด์ไม่บอก 5555

นอกจากตรงบ่อน้ำก็ยังมีมุมถ่ายรูปสวยๆอีกหลายมุมเลย

Patrika Gate
ประตูเมืองสีพาสเทลกลางเมืองชัยปุระ ไม่ต้องอธิบายอะไรให้มากความ เอาเป็นว่าที่นี่โคตรสวย 5555 ไปถึงก็เข้าไปถ่ายด้านในและก็ออกมาถ่ายด้านนอก จบ 5555

Albert Hall Museum

เป็น Art Museum ด้านในจัดแสดงผลงานด้านศิลปะและวัฒนธรรมของเมืองชัยปุระ จริงๆแล้วที่นี่ไม่ได้อยู่ในแพลนเราเลยแต่เมื่อขับรถผ่านเห็นว่าสวยดีเลยแวะหน่อยละกัน 555 โดยสิ่งที่ดึงดูดใจเราก็คือตัวอาคารที่สวยมากบวกกับด้านหน้าที่มีนกพิราบอยู่โคตรเยอะ วิธีถ่ายให้สวยคือไปยืนกลางนกพิราบและให้เพื่อนอีกคนวิ่งไล่นก แล้วเราก็ถ่ายรัวๆไปเลย ภาพสวยแน่นอน 5555 แต่ครั้งนี้เราแวะแป่ปเดียวเลยไม่ได้เข้าไปด้านในนะ

ก่อนเข้าที่พักก็ต้องหาอะไรกินกันก่อน ร้านนี้สิงห์พาเรามากินเพราะมีเมนูให้เลือกเยอะ การเลือกอาหารที่ดีคือดูหน้าตาไว้ก่อน 555 เอาชื่ออาหารแล้วไปหาในกูเกิล แล้วก็ลองกินดูว่าชอบไหม ถ้าชอบก็จำไว้แล้วเอาไว้สั่งในครั้งต่อไป 5555 แต่ปกติเราเป็นคนที่ไปเที่ยวจะไม่ค่อยมีรีวิวอาหารสักเท่าไหร่เพราะไปที่ไหนก็กินได้หมดจนได้ฉายาว่าลิ้นหมา 555555 แต่ครั้งนี้เพื่อนในทริปที่ไปกันก็ชอบอาหารอินเดียนะ เราพูดได้เต็มปากเลยว่าอาหารอินเดียไม่ได้แย่มันแล้วแต่คนมากกว่าว่าจะชอบหรือเปล่า 5555 แต่ถ้าอาหารข้างทางอ่ะเราย้ำอีกครั้งว่าไม่ค่อยแนะนำเพราะคนอินเดียก็ไม่แนะนำเหมือนกันเพราะบางร้านอาจจะทำไม่สะอาด ส่วนน้ำเปล่าให้ซื้อใหม่ตลอดชัวร์สุด เรารู้ว่าคุณไม่อยากท้องเสียตอนไปเที่ยวแน่ๆ 5555

กินกันเสร็จก็ได้เวลาเข้าที่พักกันละ วันต่อไปเรานัดให้สิงห์มารับประมาณแปดโมงเช้า

 

วันที่ 2

สิงห์มารับเราตามเวลานัดและพาไปกินมื้อเช้ากันก่อน หลังจากนั้นก็เริ่มเที่ยวกันต่อตามแพลน

Hawamahal & Wind View Cafe 

Wind View Cafe ที่นี่เป็นคาเฟ่ที่สามารถมองเห็น Hawamahal ได้แบบเต็มๆตา ซึ่งคาเฟ่อยู่ตรงข้ามกับhawamahalเลย ข้ามมถนนไปนิดเดียวก็ถึง จะมีคนคอยพาขึ้นไปแต่เราไม่จำเป็นต้องไปกับเขาก็ได้เพราะจะมีป้ายบอกให้เดินขึ้นไปเราก็เดินไปตามป้ายได้เลย ขึ้นไปถึงก็สั่งเครื่องดื่มที่ชอบแล้วมานั่งชิลๆด้านนอกพร้อมถ่ายรูปคูลๆ 5555

Hawamahal หรือชื่อไทยคือพระราชวังสายลม มีรูปทรงคล้ายรังผึ้งที่ถอดแบบมาจากมงกุฎพระนารายณ์ เป็นสีชมพูแดงเด่นกลางเมืองชัยปุระ ใครอยากเข้าไปด้านในก็สามารถซื้อตั๋วได้ แต่ของเราเน้นถ่ายรูปด้านหน้าก็พอแล้ว

จาก Hawamahal เดินต่อไปอีกนิดก็จะเจอกับ City palace จุดนี้สิงห์จะไม่ได้พาเราไปแต่จะบอกทางเราไว้และจะมารับอีกครั้งเมื่อเราเที่ยวที่นี่เสร็จ (ตอนใกล้เสร็จให้ทักหาเขา)

City Palace

พระราชวังที่มีการผสมผสานสถาปัตยกรรมแบบราชปุตกับโมกุล มีความอลังและสวยงามมาก ถือเป็นแลนด์มาร์คสำคัญของการมาที่ชัยปุระเลยก็ว่าได้ ค่าเข้า city palace สำหรับชมรอบนอกอยู่ที่ 700 รูปี แต่ถ้าใครอยากชมห้องสีฟ้าห้องต่างๆ ราคาจะอยู่ที่ 3,500 รูปี พร้อมไกด์ ที่นี่มีเพ้นท์เฮนน่าด้วยในราคา 300 รูปี (เราไม่ได้เข้าห้องสีฟ้า)

ใน City Palace มีมุมถ่ายรูปสวยๆเยอะมาก แต่ที่เยอะพอๆกันก็คือคนที่มาเที่ยวนี่แหละ 55555 การจะหามุมถ่ายสวยๆก็ต้องรอคนน้อยกันนิดนึง

ถ้าคุณรอได้นานมากพอก็จะได้ภาพแบบนี้ 5555

เราชอบสีของที่นี่มากกกก

อีกมุมถ่ายรูปที่ไม่ควรพลาด เราก็จำไม่ได้ว่าอยู่ส่วนไหนของ City Palace แนะนำให้เอารูปให้เจ้าหน้าที่ดูแล้วเดินไปครับ สวยถูกใจแน่นอน 5555

เที่ยวที่ City Palace กันเสร็จแล้วก็ไปกินข้าวเติมพลังกันหน่อย

Caffe’ Palladio

ร้านอาหารสไตล์อิตาเลียนที่นอกจากอาหารจะอร่อยแล้วร้านก็สวยมากเหมือนกัน และที่นี่ก็มีห้องที่จำลองจากห้องสีฟ้าใน City Palace ด้วยนะ แต่ถ้าถามว่าเหมือนไหมก็ตอบเลยนะว่าไม่ค่อย 55555 แต่ก็สวยยุ นี่เป็นมื้อเดียวเลยก็ว่าได้ที่เรากินอาหารสไตล์อื่นนอกจากอาหารอินเดีย 55555

ไปต่อกันเลย

Jaigarh Fort

พูดถึงป้อมปราการที่อินเดียก็ต้องบอกเลยว่ามีเยอะมาก ป้อมปราการแห่งนี้ก็เป็นที่ที่อยู่บนทางผ่านระหว่างไป Nagarah Fort สำหรับเราที่นี่ไม่ได้มีจุดเด่นอะไรมากมายนักแต่ว่าเป็นทางผ่านแวะเที่ยวสัก 30 นาทีก็ไม่เสียหาย เพราะถึงจะไม่มีจุดเด่นแต่ก็มีมุมสวยๆหลายมุมเหมือนกัน

Nagarah Fort

ถัดจาก jaigarh fort ก็จะมาเจอกับที่นี่ Nagarah Fort ป้อมปราการที่ตั้งสูงตระหง่านเหนือเมืองชัยปุระ ซึ่งอย่างที่เราบอกไปว่าป้อมปราการแต่ละที่จะมีจุดเด่นแตกต่างกันไป สำหรับที่นี่จุดเด่นก็คือเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงามมาก และอีกอย่างก็คือที่นี่เป็นป้อมปราการที่มีขนาดใหญ่มากเดินได้ไม่ทั่วอ่ะ 5555 การถ่ายรูปที่นี่ต้องดู Ref เยอะๆแล้วถามเจ้าหน้าที่ดูว่ามุมนี้อยู่ตรงไหนพอจะรู้ไหม เพราะมันใหญ่มากจริงๆถ้าเดินหาเองเราว่าหายากเลยแหละ 5555 มีมุมไหนบ้างไปดูกันเลย สำหรับค่าเข้าอยู่ที่ 200 รูปี

วิวจากบนป้อมปราการเห็นวิวเมืองได้กว้างมากๆๆๆ

ถ่ายกับช่องของกำแพงก็สวยไปอีกแบบ

แนะนำให้เก็บที่นี่ไว้เป็นที่สุดท้ายของวันเพราะคุณจะได้เห็นพระอาทิตย์ตกที่สวยมากๆจากที่นี่

จบไปแล้วสำหรับวันที่สอง หลังจากเที่ยวที่นี่เสร็จสิงห์ก็พาเราไปกินมื้อเย็นและเข้าที่พัก

วันที่ 3

วันนี้เราจะเดินทางกลับเดลีตั้งแต่เช้าและเที่ยวต่อในเดลีอีกนิดนึงก่อนที่จะเดินทางต่อไปเมืองมะนาลี เรานัดสิงห์มารับเราตั้งแต่เช้าวันนี้สิงห์ไม่ได้ไปส่งเราเองเลยให้คนในทีมมาขับรถให้เรา แต่ก็ดูแลเราดีไม่ต่างจากสิงห์เลย สำหรับที่เที่ยวในเดลีจริงๆก็มีหลายที่นะแต่เนื่องจากเวลาในการเดินทางจากชัยปุระไปเดลีก็ใช้เวลานานและเราต้องขึ้นรถบัสต่อไปยังมะนาลีอีกทำให้ในวันนี้เราเที่ยวได้แค่ที่เดียว 555 แต่ถ้าใครทำเวลาดีๆจะสามารถเก็บที่เที่ยวในเดลีได้มากกว่านี้

Agrasen ki baoli

ถ้าพูดถึวที่เที่ยวในเดลีที่เราอยากไปที่สุดเรายกให้ที่นี่เลย Agrasen ki baoli ในอดีตเป็นบ่อกักเก็บน้ำโบราณของเมืองนี้ แต่ปัจจุบันได้เปลี่ยนเป็นสถานที่เที่ยวที่สวยงามมากๆ ที่นี่สามารถเดินเข้าไปชมด้านในได้ด้วย แต่เราว่าไม่ค่อยมีอะไรก็เลยเลือกที่จะถ่ายอยู่ด้านนอก แต่วันที่เราไปเหมือนจะเป็นวันหยุดทำให้คนมาเที่ยวที่นี่กันเยอะมากการหามุมถ่ายรูปสวยๆเลยยากนิดนึง ถ้าใครจะมาแนะนำให้มาช่วงเช้าจะดีที่สุดเพราะคนน่าจะไม่เยอะแบบนี้ 555

สำหรับทริปนี้เราเที่ยวในเดลีน้อยไปหน่อยเพราะเวลาจำกัด แต่จริงๆเดลียังมีที่เที่ยวสวยๆอีกเยอะมาก เดี่ยวกลับมาครั้งหน้าจะต้องเก็บให้หมด

หลังจากเที่ยวเสร็จเราก็ต้องเดินทางต่อไปยังเมืองมะนาลี เราให้คนขับ (ยังเป็นคนขับคนเดิมที่ขับรถจากชัยปุระมาส่งเราที่เดลี) มาส่งตรงจุดขึ้นรถที่ majnu ka tila nirmal church ตรงจุดขึ้นรถนี้จะอยู่ตรงทางแยกที่เราวงไว้ใน map เป็นเหมือนป้ายรถเมล์ มีรถบัสมาจอดเรียงๆกัน แต่ตอนที่เราไปบัสดีเลย์ไป 2 ชั่วโมง คนขับรถเราเลยพาเราขึ้นไปส่งที่ออฟฟิสของบริษัททัวร์ นั่งรอในนั้นๆยาวไป และเมื่อถึงเวลารถใกล้จะมาเราก็ออกไปรอตรงจุดรอรถ ต้องบอกเลยว่ามันจะดูวุ่นวายหน่อยๆเพราะคนก็มารอกันเยอะรถก็เยอะ แต่รถไม่ได้รีบจอดและรีบไปขนาดนั้นไม่ต้องกลัวตกรถ แต่ต้องมารอก่อนเวลานะและสังเกตชื่อบริษัทรถและจุดหมายของรถที่จะมีบอกไว้แต่ละคันให้ดีๆ ถ้าไม่มั่นใจก็เดินไปถามเลยว่าใช่หรือเปล่า

บริษัทบัสที่เราเลือกใช้คือ laxmi holidays ราคา 1050 รูปี มีน้ำให้ มีผ้าห่มให้ แอร์เย็น หลับสบาย เหมือนเชิดชัยทัวร์ ชั้น vip 55555 แนะนำให้จองรอบเย็นจะได้ถึงนู่นเช้า ขอเตือนไว้ก่อนถ้าใครเมารถควรกินยาแก้เมารถเพราะโค้งเยอะมากกกกกกกก นี่นึกว่าอยู่ปาย หรือหนักกว่าปายก็ว่าได้ 555555

ขาไปเราจองตั๋วผ่าน app make my trip อันนี้แล้วแต่ดวงด้วยนะบางคนก็ตัดบัตรไม่ผ่าน บางบริษัทก็ต้องใช้หมายเลขโทรศัพท์อินเดียจอง ถ้าใครจองผ่านแอปนี้ไม่ได้แนะนำให้จองผ่าน agency แทน แนะนำเป็นเอเจนซี่เจ้านี้เลย อำเภอใจอินเดียทราเวล เพราะตั๋วขากลับเราก็จองไม่ได้เหมือนกันต้องพึ่งเอเจนซี่จ้า5555555

รถบัสจาก delhi นั่งไป manali ใช้เวลาประมาณ 13-14 ชั่วโมง
แต่จริงๆจาก delhi สามารถนั่งเครื่องไปลงที่ kullu ได้แต่ตอนที่เราเช็คราคาตั๋วมันอยู่ที่ 10,000 บาท ไป-กลับ เลยยอมนั่งรถดีกว่า ถ้าเช็คเนิ่นๆอาจจะได้ราคาถูกกว่านี้

สำหรับบินตรงจากไทยไปมะนาลีตอนนี้ยังไม่มีนะก็เลยมีให้เลือกแค่สองวิธีคือรถบัสหรือเครื่องบินเท่านั้น

 

และก็จบไปแล้วสำหรับ Ep.1 สำหรับตอนหน้าเราจะพาทุกคนไปสัมผัสกับเมืองมะนาลี ต้องบอกเลยว่าถ้าได้รู้จักต้องหลงรักแน่นอน

และในส่วนของค่าใช้จ่ายทริปนี้เราจะขอแจ้งทีเดียวในตอนต่อไปนะ รอกันอีกนิดนึงรับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอน 5555

อ่าน Ep.2 มะนาลี ได้ที่นี่เลย > https://bit.ly/37HFxYX

ติดตามรีวิวใหม่ๆของเราได้ที่นี่เลย : เที่ยวก่อนตาย Bucket list TH