ใครบอกว่าไปเที่ยวต่างประเทศต้องไปหลายวัน ?
มีวันว่างแค่ 2 วัน 1 คืน ก็หนีไปเที่ยวต่างประเทศได้ !!!
ค่าใช้จ่ายถ้าไม่รวมค่าเครื่องตกคนละไม่ถึง 3,000 บาท
ปกติไปเที่ยวต่างประเทศเราเป็นคนที่ชอบเที่ยวหลายๆวัน เช่น อินโด 7 วัน / ไต้หวัน 10 วัน / ญี่ปุ่น 5 วัน ซึ่งข้อดีของการเที่ยวหลายวันคือมีเวลาเยอะและไปเที่ยวได้หลายที่ แต่ข้อเสียก็คือกว่าจะได้ไปแต่ละทริปนี่รอนานมาก เพราะต้องรอให้มีวันหยุดยาวและที่สำคัญต้องหยุดพร้อมเพื่อนในทริปด้วยนะ 55555 การจะได้ไปเทียวแต่ละครั้งจึงยากมาก
สำหรับทริปนี้เรามีเวลาว่างแค่สองวันแต่อยากไปต่างประเทศ 5555 ตอนแรกก็คิดเหมือนกันว่ามันจะไปที่ไหนได้และก็ยังกลัวว่าไปแล้วได้เที่ยวไม่กี่ที่แล้วจะไม่คุ้ม 55555 แต่หลังจากได้หาข้อมูลหลายๆที่เราก็มาจบที่นี่ “มาเก๊า” ซึ่งน่าจะเป็นสถานที่ที่เหมาะที่สุดในการเที่ยว 2 วัน 1 คืน
อย่าเพิ่งคิดว่าไปแค่สองวันจะได้เที่ยวน้อย ทริปนี้เราเก็บไปทั้งหมด 15 สถานที่ แม่งโคตรเยอะ 555555 ที่เราเที่ยวได้เยอะขนาดนี้เพราะว่ามาเก๊าเป็นเมืองที่เล็กมากและสถานที่เที่ยวแต่ละที่ก็ใกล้กันมากสามารถเดินไปได้เกือบทุกจุด (เดินไปไม่ได้แค่ 2 จุด) ซึ่งในรีวิวเราได้เรียงสถานที่ไว้ให้แล้วว่าควรเริ่มเที่ยวจากจุดไหน ส่วนที่เดินไปไม่ได้เราได้แยกไว้เป็นสองจุดสุดท้าย เราอยากให้เดินเที่ยวจุดหลักครบก่อนแล้วเวลาเหลือค่อยไปเก็บสองที่สุดท้าย แต่ต้องบอกก่อนว่าการไปเที่ยวสองวันและจะเก็บที่เที่ยวแบบเรามันทำได้แต่เหนื่อยพอตัวเลยเพราะต้องรีบทำเวลาตามแพลนทำให้ไม่ค่อยมีเวลาให้ชิล
สำหรับใครที่มีเวลาว่างมากกว่านี้เราอยากแนะนำให้เที่ยวมาเก๋าแบบ 4 วัน 3 คืน เพราะยังไงก็มาแล้วจริงๆควรจะเก็บให้ครบทุกโซนไม่ว่าจะเป็น มาเก๊า , ไทปา , โคไท , โคโลอาน ซึ่งช่วงเวลา 4 วัน 3 คืน จะสามารถเที่ยวได้ชิลๆแบบไม่ต้องรีบ และจะได้ซึมซับบรรยากาศของมาเก๊าแบบเต็มๆ รับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอนนนน
สำหรับค่าใช้จ่ายทริปนี้ตามนี้เลย (รวมทุกอย่าง)
ค่าเงินคิดเป็นเลขกลมๆ 1 MOP : 4 บาท
- ตั๋วเครื่องบิน ไป-กลับ : 5,330 บาท (ไปไฟท์เช้าสุด กลับไฟท์ดึกสุด จะได้เที่ยวนานๆ)
- ที่พัก Hou Kong Hotel 1 คืน 1,500 บาท หาร 2 คน : 750 บาท (ที่พักใกล้ที่เที่ยวและห้องดีมากในราคานี้ แนะนำเลย)
- ค่าอาหารมื้อละ 200 บาท 2 วัน กิน 6 มื้อ : 1,200 บาท (ทริปนี้เราไม่เน้นกินแต่เน้นเที่ยว ราคาอาหารร้านทั่วๆไปจะไม่เกิน 50 MOP หรือก็คือ 200 บาท)
- อื่นๆ ( ค่ารถเมล์ แท็กซี่ ขนม ) : 700 บาท
รวมเป็น 7,980 บาท (ค่าใช้จ่ายถ้าไม่รวมค่าเครื่องตกคนละ 2,650 บาทเท่านั้น)
บอกเลยว่าแต่ละจุดที่เราไปถ้าใครชอบถ่ายรูปต้องชอบมากแน่ๆเพราะที่นี่มีมุมถ่ายรูปชิคๆเยอะมาก จะมีที่ไหนบ้างไปอ่านกันได้เลย
Google Map หมุดสถานที่ต่างๆในทริปนี้ : http://bit.ly/2IDQz7q
1. A-MA Temple
A-MA Temple : เราเริ่มจุดแรกกันที่นี่เลย สำหรับการเดินทางมาที่นี่ก็มาได้หลายแบบนะทั้งรถเมล์และแท็กซี่แล้วแต่สะดวกเลย แต่สำหรับเราที่ต้องรีบทำเวลาเลยเลือกเป็นแท็กซี่ดีกว่า แท็กซี่ที่มาเก๊าราคาไม่แพงมากเริ่มต้นที่ 19 MOP หรือประมาณ 80 บาท หารสองคนก็ตกคนละ 40 บาท ถ้านั่งใกล้ๆและต้องรีบเราแนะนำแต่ถ้าต้องนั่งไกลแนะนำรถเมล์เลย 555 พยายามเลือกที่พักให้อยู่ในโซนที่เที่ยวจะดีที่สุด
สำหรับ A-MA Temple เป็นวัดที่อยู่มาอย่างยาวนาน สร้างขึ้นตั้งแต่ก่อนที่จะมีเมืองมาเก๊า โคตรเก่าแก่ 55555 และวัดแห่งนี้เด่นเรื่องการขอพรเรื่องความรัก ใครนกบ่อยๆก็มาขอกันด้วยละ 55555 แต่นอกจากเรื่องขอพรที่นี่ก็มีมุมสวยๆให้ถ่ายรูปเยอะเหมือนกันนะ
2. Our Lady of Penha Church
Our Lady of Penha Church : สำหรับการมาที่นี่เดินมาได้เลยครับจากจุดที่แล้ว เดินไม่ไกลแต่ทางเดินขึ้นมาบนนี้ชันนิดนึง 55555 สำหรับโบสถ์แห่งนี้เป็นแหล่งรวมตัวของคนที่มาถ่ายพรีเวดดิ้ง แต่ก็ไม่แปลกใจนะที่คนมากันเยอะเพราะที่นี่มีมุมสวยๆหลายมุมเลยโดยเฉพาะถ่ายเสยจากมุมบันไดขึ้นไปให้เห็นตัวโบสถ์ และการที่โบสถ์ตั้งอยู่บนเขาทำให้สามารถเห็นวิวของมาเก๊าทางฝั่งเกาะไทปาได้ด้วย
ส่วนมุมหน้าโบสถ์แบบนี้จะขายดีเป็นพิเศษ 55555 ต่อกันหลายคิวเลย
ระหว่างทางเดินไปจุดที่สาม จริงๆมาเก๊าเป็นเมืองที่ถ่ายรูปสนุกมากเลยนะ เราแนะนำมากๆให้คนที่มาเที่ยวที่นี่ลองเดินเที่ยวแบบเราดู อาจจะเหนื่อยนิดนึงแต่ก็ถือเป็นการออกกำลังไปในตัวด้วยก็ได้ 5555 และการที่คุณเดินเที่ยวแบบนี้คุณอาจจะเจอมุมถ่ายรูปสวยๆที่คนอื่นอาจจะยังไม่เคยเจอเลยก็ได้
3. Mandarin House
Mandarin House : บ้านสไตล์จีนโบราณ ก่อสร้างขึ้นในปี 1869 สิ่งที่เราชอบในมาเก๊าส่วนหนึ่งคือการเที่ยวเมืองเดียวแต่ได้สัมผัสถึงสองวัฒนธรรมระหว่างจีนและโปรตุเกส สำหรับ Mandarin House ถือเป็นสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานของจีนและตะวันตกได้อย่างลงตัวสุดๆ ถือเป็นอีกจุดที่ห้ามพลาด
4. Dom Pedro V Theatre
Dom Pedro V Theatre : โรงละครดอมเปโดร สร้างขึ้นในปี 1860 เป็นโรงละครแบบตะวันตกแห่งแรกของจีน ตัวอาคารทาด้วยสีเขียวโดยตัวหน้าต่างและประตูเป็นเขียวเข้ม ส่วนของผนังจะเป็นสีเขียวอ่อน
การถ่ายรูปจะเน้นเล่นกับหน้าต่างและประตูซึ่งสีจะตัดกับผนังอาจจะไปนั่งหรือยืนเท่ๆก็แล้วแต่ชอบเลย
5. Happiness Street
Happiness Street : สำหรับถนนเส้นนี้ถือเป็นจุดที่เราชอบที่สุดในมาเก๊าเลยก็ว่าได้ ส่วนตัวเราเป็นคนที่ชอบอะไรที่มันย้อนยุคอยู่แล้ว สมัยก่อนถนนเส้นนี้เป็นย่านโคมแดงเก่าแต่ปัจจุบันได้มีการปรับเปลี่ยนให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวโดยถนนเส้นนี้จะมีร้านอาหารอยู่หลายร้านมาก ใครกำลังหิวเดินมาในถนนเส้นนี้อิ่มแน่นอน แต่ส่วนที่เราชอบที่สุดคือถนนเส้นนี้เหมาะสำหรับถ่ายรูปมาก ด้วยความที่ตัวอาคารยังเป็นแบบเก่าและประตูหน้าต่างแทบทุกบ้านจะเป็นสีแดงพอถ่ายออกมาแล้วบอกเลยว่าเราชอบมาก 5555
เที่ยวไปเกือบจะครึ่งทางแล้วก็พักกันก่อน อีกหนึ่งสิ่งที่เป็นเสน่ห์ของมาเก๊าก็คือป้ายไฟยามค่ำคืนนี่แหละ เป็นอะไรที่เราชอบมากก
ถ้าพูดถึงป้ายไฟหลายคนอาจจะคิดถึงญี่ปุ่น แต่เราว่าความรู้สึกมันต่างกัน ถ้าที่ญี่ปุ่นมันจะดูร่วมสมัย แต่สำหรับมาเก๊ามันจะดูย้อนยุคและดูขลังมาก ถ้าไม่เมื่อยขาไปก่อนนี่เดินถ่ายได้ทั้งคืนอ่ะ 5555
6. IAM Building
IAM Building : เดินมาตามหมุดที่เราปักเลย อันนี้อาจจะงงนิดนึงเพราะมันอยู่ในตัวอาคารตอนเดินมาถึงตามหมุดก็ลองมองดูดีๆเจอแน่นอน สำหรับจุดเด่นหลักของที่นี่เลยคือ…ทัวร์เยอะมากกกก หลอกๆๆๆ 55555 แต่ก็เยอะจริงนะต้องหาจังหวะถ่ายรูปดีๆ 5555 สำหรับจุดเด่นเราว่าอยู่ที่ลายกระเบื้องสีน้ำเงินขาวสไตล์บาร็อคซึ่งจะมีอยู่ทั่วตัวอาคาร ถ้ามาถ่ายรูปที่นี่แต่ถ่ายไม่ติดลายกระเบื้องที่เป็นจุดเด่นถือว่าผิดดดด 555555
นี่คือหน้าตาของ IAM Building ถ้าเจอก็เดินเข้าไปได้เลย
ชานมร้านนี้อร่อยจริงจำราคาไม่ได้ แต่ถ้าเดินผ่านซื้อเลยแนะนำ
7. Monte Fort
Monte Fort : นี่คือป้อมปราการที่เก่าแก่ที่สุดของมาเก๊า สร้างขึ้นในปี 1616 ตั้งอยู่ใกล้กับซากประตูโบสถ์เซนต์พอล จากจุดนี้สามารถมองเห็นซากประตูได้เลย และป้อมแห่งนี้ถือเป็นจุดชมวิวที่ดีแห่งหนึ่งของมาเก๊าเลยก็ว่าได้ เราสามารถเห็นเมืองมาเก๊าได้จากหลายมุม
คุณลุงพาแฟนมาเที่ยว เดินเก่งมากกกกก
8. Ruins of St. Paul
Ruins of St. Paul : ถ้ารู้จักมาเก๊าเราว่าต้องคุ้นภาพที่นี่กันบ้างแหละเพราะถือเป็นแลนมาร์คของมาเก๊าเลยก็ว่าได้ 55555 แต่ส่วนตัวเราเป็นคนที่ไม่ชอบไปจุดที่คนเยอะๆ แต่แน่นอนครับที่นี่คนเยอะมากกก เราอยากแนะนำให้ลองเดินหามุมอื่นทีไม่ใช่มุมปกติที่ยืนถ่ายด้านหน้าประตูแล้วคนเดินมาบังเต็มไปหมด 5555 เรามีมุมแนะนำตามนี้เลยไปดูกัน
มุมนี้ถ่ายจาก Monte Fort
มุมนี้เราแนะนำ เชื่อเราถ่ายตรงนี้สวยกว่าเยอะ ถ้าเราหันหน้ามอประตูจุดนี้จะอยู่ด้านขวามือบนเนินที่ต้องเดินขึ้นไปแล้วจะมีเก้าอี้ให้นั่งใต้ต้นไม้อ่ะ เชื่อเราเดินหาดีๆจะเจอเองอย่าไปผิดฝั่งก็พอ 55555
9. Love Lane
Love Lane : เป็นถนนเล็กๆที่ตั้งอยู่ใกล้กับ Ruins of St. Paul อย่างในภาพนี้ก็จะเห็นว่า Ruins of St. Paul อยู่ด้านหลัง จุดเด่นและความสวยงามของถนนเล็กๆเส้นนี้ก็คือสีสันของตัวอาคารทั้งด้านซ้ายและขวานี่แหละซึ่งสีสดใสมาก สำหรับจุดนี้เรามั่นใจเลยว่าสาวๆต้องชอบแน่นอน
10. Portuguese Street
Portuguese Street : จากจุดที่แล้วเดินต่อมาอีกนิดนึงจะเจอกับจุดนี้ ตอนเดินเข้ามาก็แอบงงนะว่าซอยนี้มันมีอะไร 5555 ตอนนั้นยังไม่เจอจุดถ่ายรูป 5555 แต่พอเจอก็เลยอ่ออออ 5555 เขาถ่ายกันจุดนี้
Portuguese Street ถ้ามาจุดนี้แล้วสิ่งที่ต้องถ่ายให้ได้ก็คือถ่ายคู่กับป้ายและกระเบื้องสีน้ำเงินขาว
เดินไปอีกหน่อยจะเจอซอยนี้ซึ่งการตกแต่งคือดีมาก โดยเฉพาะโคมหลากสีที่ประดับไว้ด้านบน
11. Albergue SCM
Albergue SCM : ตัวอาคารด้านหลังสีเหลืองสดจะเป็นส่วนของแกลอรี่ ส่วนบริเวณรอบๆจะมีทั้งร้านอาหารและร้านขายของฝาก แต่เราไม่ได้สนใจตรงส่วนนั้นเลยสิ่งที่ดึงดูดเรามาที่นี่คือเจ้าต้นการบูรยักษ์สองต้นนี้นี่แหละ มันเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่มากยิ่งส่วนตัวเป็นคนชอบต้นไม้อยู่แล้ว แล้วการที่เห็นต้นไม้ใหญ่ล้อมรอบด้วยตัวอาคารเป็นอะไรที่เข้ากันอย่างบอกไม่ถูก 5555
ระหว่างเดินไปจุดต่อไปก็มีมุมสวยๆให้ถ่ายรูปตลอด
12. Edf. Comercial Holland Jardim
Edf. Comercial Holland Jardim : สำหรับบางจุดในแพลนเราอาจจะต้องเดินหาเพราะอยู่ในซอยหรือในตัวอาคารทำให้หาเจอยาก แต่สำหรับที่นี่แม่งเด่นมากกก อาคารรอบๆคือเป็นอาคารปกติสีพื้นๆ แต่เจอหลังนี้เข้าไปโคตรเด่น 55555 เป็นอาคารสีเขียวสลับเหลืองเป็นคู่สีที่ลงตัวมาก
วิธีถ่ายออกมาให้ดูดีง่ายมาก ไปยืนตรงกลางประตูหรือไม่ก็กลางเสาแล้วถ่ายให้เราอยู่ตรงกลางภาพและให้ฉากหลังมีขนาดเท่าๆกันแค่นี้ภาพก็ออกมาดุดีแล้ว
13. Rua Nova a Guia
Rua Nova a Guia : นี่คืออีกหนึ่งจุดที่เราชอบมากที่สุดในมาเก๊าและก็ถือเป็นจุดสุดท้ายสำหรับการเดินเที่ยวในมาเก๊า (อีกสองจุดนั่งรถเถอะแม่งไกล 55555) จุดนี้เราอธิบายยากเลยว่ามันคืออะไร 555 เอาเป็นว่านี้คือถนนเส้นหนึ่งที่สามารถมองเห็นตึกของโรงแรม Lisboa ได้แบบในภาพนี้ซึ่งมันจะออกแนวเหมือนหนัง SCi-fi
ถ้าอยากเห็นชัดๆว่ามัน SCi-fi ขนาดไหนต้องรอดูตอนกลางคืน แน่นอนครับเราถ่ายมาด้วย 55555
ส่วนภาพตอนกลางคืนก็จะออกมาเป็นแบบนี้แหละ โรงแรม Lisboa จะทำการเปิดไฟในตอนกลางคืนเมื่อเราถ่ายจากมุมนี้มันก็จะเห็นเหมือนเป็นเลเซอร์เหมือนในหนังเรื่อง Tron ใครยังไม่เคยดูลองไปหาดูได้น่าสนุกดี 55555
ถ้าจะถ่ายมุมนี้พิกัดตั้งอยู่ที่ : ทางม้าลายหน้าโรงแรม Royal Hotel ถ้าจะถ่ายมุมอื่นก็หันหน้าเข้าหาโรงแรม Lisboa และเดินตรงไปในซอยนั้นเลย
จบไปแล้วสำหรับรูทปกติที่สามารถเดินเที่ยวได้เองแบบไม่ต้องง้อรถ 55555 หลังจากนี้จะเป็นอีกสองสถานที่ที่เราแถมให้ ถ้าเที่ยวเสร็จเร็วแล้วมีเวลาว่างพอก็ไปเก็บอีกสองที่นี้ได้ก็ไปเลยโดยจะนั่งรถเมล์หรือนั่งแท็กซี่ก็ได้ทั้งสองวิธี แต่ต้องเช็คเวลาดีๆอย่าให้ตกเครื่องละ 5555
14. Macau Fisherman’s Wharf
Macau Fisherman’s Wharf : ที่นี่เป็นเมืองจำลองสถานที่ต่างๆของโลก จริงๆที่นี่มีขนาดใหญ่มากและมีทั้งหมดสามโซนด้วยกัน แต่เพราะเวลาเราน้อยเลยเที่ยวได้แค่โซนเดียวซึ่งเป็น โซน East Meets West ซึ่งจะมีสถาปัตยกรรมจำลอง เช่น โคลอสเซียมจำลอง อาคารสไตล์อียิปโบราณ เป็นต้น ซึ่งที่นี่สามารถเข้ามาถ่ายรูปได้ฟรี
15. Long Chao Kok Coastal Trail
Long Chao Kok Coastal Trail : เราไม่เคยคิดเลยว่ามาเก๊าจะมีสถานที่ท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ คิดว่าจะมีแค่เมืองเท่านั้น เรามั่นใจว่าน้อยคนมากที่จะรู้จักที่นี่ ส่วนหนึ่งก็เพราะมันตั้งอยู่ห่างจากสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆด้วยแหละ แต่เราอยากจะบอกว่าที่นี่แม่งดีมากกก เป็นทางเดินเทรลริมทะเล
ที่นี่เดินง่ายมากนะไม่มีทางชันๆเลยเดินเรื่อยๆถ่ายรูปเล่นสนุกๆ ฝั่งขวาเป็นโขดหินและต้นไม้ ส่วนซ้ายมือจะเป็นโขดหินและทะเล
ถ้าใครอยากเที่ยวธรรมชาติในมาเก๊าเราว่าที่นี่น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดแล้ว
แต่สิ่งที่น่าเสียดายที่สุดคือตอนที่เรามาถึงคือฟ้ามืดมาก คลื่นแรงด้วยทำให้น้ำขุ่น ถ้ามาตอนอากาศดีคงจะสวยกว่านี้มากๆ ถ้าไปมาเก๊าอีกครั้งเราจะกลับไปที่นี่แน่นอน
จบไปแล้วสำหรับรีวิวมาเก๊า 2 วัน 1 คืน หวังว่ารีวิวของเราจะเป็นประโยชน์ต่อคุณไม่มากก็น้อยแหละนะ 55555 ถ้ามีอะไรสงสัยทักมาถามได้เลย ไว้เจอกันใหม่รีวิวหน้า บายยยย
ติดตามเราได้ที่
Facebook : web.facebook.com/bucketslistth
Website : www.bucketslistth.net
Instagram : https://www.instagram.com/bucketlist_th