“ญี่ปุ่น” ประเทศนี้มึงไม่ไปไม่ได้
ญี่ปุ่นเป็นอีกหนึ่งประเทศที่เราอยากไปมากกกก และคิดว่ายังไงก็ต้องไปให้ได้ก่อนตาย ด้วยความที่เราชอบทุกอย่างที่เป็นญี่ปุ่นไม่ว่าจะเป็น ธรรมชาติ เมือง อาหาร ผู้คน วัฒนธรรม การ์ตูน เอวี เอ้ยยยอันนี้ไม่เกี่ยว 55555
และหลังจากที่เราได้มาเที่ยวญี่ปุ่น 6 วัน 5 คืน ทำให้เราคิดว่ากูคิดถูกแล้วที่มาเที่ยวญี่ปุ่น 5555 ทุกอย่างคือดีไปหมด โดยเฉพาะธรรมชาติเพราะทริปนี้เรามาช่วงที่มีใบไม้เปลี่ยนสีด้วยทำให้ความสวยงามของที่นี่ยิ่งสวยขึ้นไปอีก
ทริปนี้เราแยกเป็น 2 Ep. สำหรับรีวิวนี้คือ Ep.2 ( ใครยังไม่อ่านรีวิว Ep.1 ตามไปอ่านได้ที่นี่เลย : https://bit.ly/2EcovG3 )
รีวิวนี้เราจะพาไปที่ไหนกันบ้างตามไปดูกันเลยดีกว่าาา
Day 4 – MITAKE
วันนี้เราจะพาคุณนั่งรถไฟออกไปที่ชานเมืองโตเกียวเพื่อไปตามหาใบไม้เปลี่ยนสี ซึ่งบอกเลยว่าการเดินทางง่ายมาก ถึงมาเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรกก็สามารถมาเองได้ ยิ่งถ้าใครเป็นสายธรรมชาติหรือชอบความสงบ ต้องชอบที่นี่มากแน่ๆ สถานที่ที่เราจะพาไปก็คือ Mt.Mitake ไปดูกันเลยว่าที่นี่จะสวยเหมือนที่เราบอกไปหรือเปล่า
มาดูเรื่องของการเดินทางกันดีกว่า ต้องขอเตือนก่อนว่ามาเที่ยวที่นี่ควรออกเดินทางตั้งแต่เช้าเลยจะดีมากเพราะจะได้เที่ยวที่นี่ได้นานๆ ส่วนเราพลาดมากออกมาตอนเที่ยงทำให้เที่ยวได้ไม่จุใจ จริงๆอยากจะอยู่เที่ยวต่อไปนานๆเลย 5555
เริ่มต้นการเดินทางที่สถานี JR Shinjuku โดยสามาถซื้อตั๋วโดยสารไปที่ JR Mitake ได้เลย
ซึ้งเส้นทางรถไฟเราไปตามนี้เลย JR Shinjuku ไปที่ JR Ome และเปลี่ยนขบวนไปที่ JR Mitake
ส่วนขากลับก็นั่งกลับเหมือนเดิมเลย
เมื่อเดินทางถึง JR Mitake เราก็สามารถเดินเที่ยวได้เลยไม่ต้องนั่งรถต่อไปไหน ขั้นตอนแค่นี้ง่ายมากใครๆก็ไปได้ 5555 แต่ต้องขอบอกก่อนว่า Mitake มีจุดให้เที่ยวสองจุด จุดแรกคือออกมาจากสถานนีก็สามารถเดินถ่ายรูปเล่นริมน้ำได้เลยซึ่งก็คือที่เราจะรีวิวให้ดูนี่แหละ ส่วนจุดที่สองก็คือการไปบนเขาซึ่งต้องนั่งรถบัสขึ้นไปและไปขึ้น Mitake Cable car จริงๆแล้วเราจะไปเหมือนกันแต่พลาดที่ออกมาช้าทำให้มีเวลาเที่ยวน้อยไปหน่อย จึงเที่ยวอยู่เฉพาะจุดแรก แต่ถึงจะได้เที่ยวจุดเดียวแต่เราก็ชอบนะมีมุมถ่ายรูปเยอะมากกก แต่ถ้าไปครั้งหน้าต้องเก็บให้ครบให้ได้
ส่วนนี้เป็นบริเวณหน้าสถานีรถไฟ อยากบอกว่าบ้านเมืองที่นี่น่ารักมากกก
สิ่งที่เราชอบมากสำหรับที่นี่นอกจากธรรมชาติแล้วก็คือเมืองของที่นี่ซึ่งมันสงบมากกกก คงเพราะเรามาวันธรรมดาด้วยนักท่องเที่ยวเลยไม่เยอะ เรามาที่นี่แทบจะเจอแต่คนญี่ปุ่นล้วนๆเลย 5555 ได้เดินถ่ายรูปเล่นในเมืองเงียบๆก็สนุกไปอีกแบบ
ภาพด้านล่างเป็นมุมที่เราชอบมากกก คือต้องบอกว่าธรรมชาติกับบ้านเรือนของที่นี่ผสานเข้ากันได้อย่างกลมกลืนสุดๆ 5555
มีอีกสิ่งที่ไม่พูดไม่ได้ก็คือน้ำตกที่ไหลผ่านตัวหมู่บ้านนี่แหละคือน้ำเป็นสีฟ้าสดมากกก ภาพในรีวิวนี้เราแต่งน้อยมากไม่ได้แต่งสีให้เข้มขึ้นเลย น้ำที่เราเจอคือเป็นสีแบบนี้จริงๆ บอกเลยว่าชอบมากกก 5555
เราไปที่ Mitake เมื่อวันที่ 30 ต.ค. 2018 ซึ่งตอนเราไปใบไม้เริ่มเปลี่ยนสีไปพอสมควรแล้วแต่ยังไม่เยอะดูจากสีของต้นไม้บนเขาก็ยังคงเขียวๆเหลืองๆอยู่ แต่บางจุดก็เปลี่ยนสีไปมากแล้วเหมือนกัน ถ้าไปช่วงกลางเดือน พ.ย. เราว่ากำลังดีเลย
แต่ส่วนตัวเราชอบสีใบไม้ประมาณนี้นะ เหลืองๆส้มๆ บวกกับแสงอาทิตย์ช่วงเย็นทำให้ภาพออกมาสวยมากกกก
มุมนี้ก็เป็นอีกหนึ่งมุมที่เราชอบมาก ถึงขนาดเอามาตั้งเป็นภาพหน้าจอคอม 55555 น้ำสีฟ้า บ้านสไตล์ญี่ปุ่น ใบไม้เปลี่ยนสี พอมารวมกันแล้วเป็นอะไรที่โคตรลงตัวอ่ะ
ไปดูภาพมุมอื่นๆของ Mitake กันบ้างดีกว่า
สำหรับภาพสุดท้ายเราขอแนะนำให้รู้จักกับคุณลุงชาวญี่ปุ่นที่อยู่ดีๆเดินเข้ามาชวนคุย 555555 ลุงน่ารักมากกกถึงจะคุยกันไม่ค่อยรู้เรื่องก็เถอะ ลุงเขาคุยภาษาญี่ปุ่นผสมกับภาษาอังกฤษตลกมากก แต่จับใจความคร่าวๆคือลุงแกเข้ามาทักทายแล้วแนะนำที่เที่ยวอะไรประมาณนี้ 55555
พอฟ้าเริ่มมืดเราก็ได้เวลากลับกันแล้ว ที่ญี่ปุ่นนี่พระอาทิตย์ตกเร็วมากใครจะมาเที่ยวต้องเช็คเวลาดีๆนะ กลับถึงชินจูกุเราก็หาอะไรกินและเข้าที่พักอาบน้ำนอนเลยเพราะพรุ่งนี้เรามีเที่ยวต่ออีกหนึ่งวันซึ่งต้องตื่นเช้าอีกแล้ว 5555
Day 5 – FUJI
มาญี่ปุ่นแต่ไม่ไปเที่ยวฟูจิถือว่าผิดดด วันนี้ซึ่งเป็นวันสุดท้ายที่เราจะเที่ยวในญี่ปุ่นเราเลยปิดท้ายทริปกันที่ภูเขาไฟฟูจิ จริงๆจุดชมภูเขาไฟฟูจิมีอยู่เยอะมากก แต่เรามาญี่ปุ่นครั้งแรกเราก็ไม่แน่ใจว่าจุดไหนสวยกว่าจุดไหนยังไงเราก็เลยใช้วิธีที่ง่ายที่สุดคือเข้าแอพ Klook แล้วลองหาทัวร์วันเดย์ทริปเที่ยวฟูจินี่แหละแล้วดูว่าอันไหนน่าสนใจเราก็เลือกเลย สรุปเราก็ได้เป็นทริป Tokyo Spectacular Mt. Fuji Day Bus Tour เป็นทริปที่นั่งรถบัสจากโตเกียวพาเราไปเที่ยวที่ฟูจิและแวะสถานที่่องเที่ยวน่าสนใจอีกหลายจุด จะไปที่ไหนกันบ้างเดี่ยวตามไปดูกันเลยดีกว่า
สำหรับใครที่สนใจทริปนี้เข้าไปดูได้ที่ : https://bit.ly/2CHzQeW
จริงๆการเดินทางไปเที่ยวฟูจิเนี่ยก็มีด้วยกันหลายวิธีนะหลายๆคนก็ไปกันเอง แต่ถ้าเอาเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดเราแนะนำให้จองผ่าน Klook จริงๆก็เหมือนซื้อทัวร์แหละเราแค่จองและจ่ายเงินผ่านแอป ทาง Klook จะดำเนินการและแจ้งรายละเอียดการนัดพบกับทัวร์ให้เราเอง ถ้าใครที่ชอบอะไรง่ายๆเราแนะนำวิธีนี้เลย
ตอนเช้าเราก็ต้องรีบออกจากโรงแรมเพราะต้องไปพร้อมกันที่จุดนัดพบและเดินทางต่อด้วยรถบัส ซึ่งจุดนัดพบก็มีหลายจุดใครสะดวกตรงไหนก็ไปตรงนั้นได้เลย ส่วนเราที่พักที่ชินจูกุเราเลยนัดพบที่รูปปั้น “LOVE” ที่ชินจูกุ
ที่แรกที่เราจะไปกันก็คือที่นี่ โอชิโนะ ฮักกาอิ (Oshino Hakkai) ซึ่งจุดสำคัญของที่นี่ก็คือ บ่อน้ำทั้ง 8 แห่งโอชิโนะ (Oshino Eight Ponds) อยากบอกว่าน้ำในบ่อใสและสวยสมคำร่ำลือจริงๆ
น้ำใสไหลเย็นเห็นตัวปลาจริงๆ
นอกจากบ่อน้ำทั้งแปดแล้วสิ่งที่ทำให้ที่นี่สวยมากก็คือภูเขาไฟฟูจิที่เราสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน วันนี้ฟ้าเปิดด้วยทำให้เราประทับใจกับที่นี่มาก
นอกจากบ้านเมืองและวิวทิวทัศที่สวยงามที่นี่ก็ยังมีของกินอร่อยๆให้เราเลือกกันเยอะเลย
หลังจากถ่ายรูปกันจนเสร็จเราก็ไปจุดที่สองกันเลยที่ หมู่บ้านนินจาโอชิโนะ ตามชื่อเลยครับที่นี่คือหมู่บ้านนินจานั่นเอง สำหรับที่นี่เราอยากมามากๆเพราะปกติก็ชอบพวกนินจาหรือซามูไรอยู่แล้วทำให้อินเข้าไปใหญ่ ที่นี่จะมีอะไรน่าสนใจบ้างตามมาดูกันเลยดีกว่า
สำหรับที่นี่จะมีนินจาที่เราสามารถเข้าไปถ่ายรูปได้และมีแสดงโชว์อีกด้วยแต่เสียดายที่เราไม่ได้ดู เพราะอยากถ่ายรูปมากกว่า 555
นอกจจากจะแวะเที่ยวแล้วเรายังแวะทานมื้อเที่ยงกันที่นี่ด้วย เป็นอาหารญี่ปุ่นแบบบุฟเฟต์ อร่อยมากกก
แต่สิ่งที่เราชอบมากกว่าอาหารก็คือวิวใบไม้เปลี่ยนสีและภูเขาไฟฟูจิที่เราสามารถมองเห็นได้จากห้องอาหารนี่แหละ สวยมากกกก
วันที่เรามาใบไม้เปลี่ยนสีแล้ว
อีกส่วนที่เราชอบมากก็คือสวนดอกไม้ของที่นี่ซึ่งตรงสวนจะมองเห็นภูเขาไฟฟูจิได้แบบชัดเจนและมีสะพานแดงให้เราขึ้นไปถ่ายรูปสวยๆได้อีกด้วย
มีจุดให้เราลองปาดาวกระจายกันด้วยนะ
กินกันอิ่มและถ่ายรูปกันจนพอใจแล้วก็ได้เวลาไปที่ต่อไปกันแล้ว
จุดต่อไปคือสถานีชมวิวภูเขาไฟฟูจิหมายเลข 5 แต่นี่เสียดายไปหน่อยตอนเราไปถึงอากาศไม่ค่อยดีเลยมองไม่ค่อยเห็นวิวเลย แต่เราว่าแบบนี้ก็สวยไปอีกแบบไปดูภาพกันเลยดีกว่า
ชมวิวกันเยอะแล้วมาดูอะไรสนุกๆกันบ้างดีกว่า เราไปกันที่ สายการบินฟูจิ จริงๆที่นี่มีชื่อเรียกนะแต่เราจำไม่ได้อ่ะ 555 ที่นี่เป็นเหมือนสวนสนุกขนาดย่อมๆมีพวกรถไฟเหาะด้วย แต่สิ่งที่เราจะมาเล่นกันก็คือการนั่งเครื่องบินจำลองพาเราไปชมภูเขาไฟฟูจิจากมุมสูงเราจะได้เห็นฟูจิในทุกๆฤดูกาล การชมวิวด้วยภาพจำลองก็สวยไปอีกแบบแล้วก็ยังสนุกอีกด้วย แต่แอบเวียนหัวหน่อยๆ 55555 แต่เราไม่มีภาพนะเพราะส่วนนี้เขาห้ามถ่ายภาพ เราเลยถ่ายในส่วนของรถไฟเหาะมาแทน 555
และแล้วก็มาถึงสถานที่สำคัญของทริปนี้ซึ่งบอกเลยว่าเราเลือกแพ็คเกจนี้ใน Klook เพราะสถานที่แห่งนี้เลยที่นี่คือ ทะเลสาบคาวากูชิโกะ (Lake Kawaguchi-ko) เป็นจุดชมวิวภูเขาไฟูจิที่สวยเป็นอันดับต้นๆเลย เราชอบที่นี่มากเพราะแสงอาทิตย์ช่วงเย็นที่ส่องลงมาที่ทะเลสาบแล้วมีภาพพื้นหลังเป็นภูเขาไฟฟูจิ ภาพที่เราเห็นมันสวยมากจริงๆกดชัตเตอร์รัวๆกันเลยทีเดียว 555 ไปดูภาพกันดีกว่า
ถ่ายรูปกันจนพอใจแล้วก็ได้เวลาเดินทางกลับ จริงๆเราอยากจะอยู่ต่ออีกนานๆเลยแต่ฟ้ามืดแสงก็หายยังไงเราก็ต้องกลับ สำหรับที่นี่เราว่าต้องมีครั้งที่สองแน่ๆ ใครมาญี่ปุ่นห้ามพลาดภูเขาไฟฟูจิเด็ดขาดดด
สำหรับใครที่สนใจทริปนี้เข้าไปดูได้ที่ : https://bit.ly/2CHzQeW
และเราก็เดินทางกลับชินจูกุ วันนี้ก่อนกลับเราก็เดินเที่ยวกันนิดหน่อยและก็กลับที่พักเลยเพราะพรุ่งนี้ต้องเดินทางเช้ามากเพราะเราขึ้นเครื่องรอบเช้า
Day 6
วันนี้ไม่มีภาพนะเพราะเรารีบตื่นมาอาบน้ำแล้วไปสนามบินเลย อย่างที่เราเคยบอกว่าการเดินทางไปสนามบินนาริตะมีให้เลือกหลายแบบ ถ้าจากนาริตะมาที่โตเกียวเราว่าเลือกแบบไหนก็ได้อาจจะเน้นที่ราคาประหยัดหน่อยก็โอเค แต่สำหรับการเดินทางจากโตเกียวไปสนามบินเนี่ยเราแนะนำให้ไปเดินทางโดยใช้ Keisei Skyliner เพราะถ้าไปวิธีอื่นเราว่ามันใช้เวลาเดินทางนานแล้วใครที่บินรอบเช้าอาจจะตกเครื่องได้ถ้าไม่เผื่อเวลาไว้เยอะๆ เราว่ายอมเพิ่มเงินเพื่อให้เราเดินทางเร็วขึ้นน่าจะเป็นอีกทางเลือกที่ดีเหมือนกัน
ใครสนใจ Keisei Skyliner เข้าไปจองได้เลยที่ >> https://bit.ly/2El1LEH
ตอนนี้ Klook มีโปร HANAMI ลด 450 บาทเมื่อยอดซื้อครบ 4,500 บาทด้วยนะ
จองตอนนี้คุ้มสุดๆ คลิ๊กได้ที่นี่เลย >> https://www.klook.com/th/promo/th-hanami
การเดินทางกลับไทยเราก็ยังคงบินกับ Nok Scoot เหมือนเดิม บินตรงจาก สนามบินนาริตะ – สนามบินดอนเมือง ราคาเริ่มต้นที่เที่ยวละ 4,460 บาท (รวมภาษีแล้ว) เพราะ NokScoot เป็นสายการบินราคาประหยัดอยู่แล้ว เลือกวันดีๆแล้วไปกันได้เลย ( ตรวจสอบเที่ยวบินได้ที่ http://www.nokscoot.com )
สำหรับทริปนี้ก็จบไปแล้ว ญี่ปุ่นเป็นอีกหนึ่งประเทศที่เราหลงรักมากแน่นอนว่าต้องกลับมาอีกเพราะที่เราเที่ยวไปเป็นแค่ส่วนเล็กๆเท่านั้นยังมีอีกเยอะเลยที่เราต้องไปสัมผัส บางคนอาจจะเคยได้ยินมาว่าญี่ปุ่นดีแบบนั้นแบบนี้แล้วอาจจะคิดว่ามันเกินจริง เราอยากแนะนำให้ทุกคนลองมาสัมผัสประเทศนี้ด้วยตัวเองเรามั่นใจว่าคุณต้องหลงรัก “ญี่ปุ่น” แน่นอน
ติดตามรีวิวใหม่ๆของเราได้ที่นี่เลย : เที่ยวก่อนตาย Bucket list TH