JAPAN : Another part of Kansai : เที่ยวคันไซในมุมมองที่แตกต่าง

“ญี่ปุ่น” ประเทศนี้คงไม่มีใครที่ไม่รู้จักเพราะเป็นประเทศที่คนไทยเดินทางไปเที่ยวบ่อยมากไปกี่ครั้งก็ไม่เบื่อ เหตุผลที่ชอบเที่ยวญี่ปุ่นของแต่ละคนก็แตกต่างกันออกไป แต่สำหรับเราเราว่าญี่ปุ่นคือประเทศที่ครบเครื่องมากๆ อาหารอร่อย มีระเบียบ เมืองสวย ธรรมชาติดีงาม การเดินทางสะดวก โอ้ยยย เอาจริงๆมันเยอะมากพิมพ์ได้เรื่อยๆเลยว่ามีอะไรดีบ้าง 5555 แต่สุดท้ายแล้วสิ่งที่เราชอบที่สุดก็คือญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ถ่ายรูปสวยและสนุกมาก 5555 แน่นอนว่าเราเป็นคนชอบถ่ายรูปนี่เลยเป็นเหตุผลหลักๆที่ทำให้เราหลงรักญี่ปุ่น

ปกติไปเที่ยวญี่ปุ่นแน่นอนว่าต้องไปสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมกันอยู่แล้วเพราะแน่นอนว่าสถานที่ต้องสวยจริงคนเลยไปกันเยอะ ตอนเราไปญี่ปุ่นครั้งแรกเราก็ไปที่เที่ยวยอดนิยมเหมือนกันและแน่นอนเราชอบมากเพราะมันสวยจริงๆแต่สถานที่สวยๆก็ต้องแลกกับนักท่องเที่ยวที่เยอะมากกก 555 ครั้งนี้เป็นครั้งที่สองที่เรามาเที่ยวญี่ปุ่นแต่ครั้งนี้แตกต่างกันออกไปเพราะเราเลือกที่จะไปเที่ยวในสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ๆที่ยังไม่ได้รับความนิยมในหมู่คนไทย แต่เราขอบอกก่อนว่าที่ยังไม่ได้รับความนิยมไม่ได้แปลว่าไม่สวยแต่คนยังไม่รู้จักที่นี่มากกว่า และจากที่เราได้ไปสัมผัสมาเราบอกเลยว่าที่ลับๆก็สวยไม่แพ้สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมเลย ครั้งนี้เราไปที่ภูมิภาคคันไซไปดูกันดีกว่าว่าเราจะพาไปที่ไหนกันบ้างและแต่ละที่จะสวยขนาดไหน

แต่ก่อนจะไปดูสถานที่ท่องเที่ยวมาดูเรื่องการเดินทางกันก่อนดีกว่า 
สำหรับทริปนี้เราเดินทางไปกับ NokScoot บินตรงจากดอนเมือง – โอซาก้า 6 วัน/สัปดาห์ ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 5 – 6 ชั่วโมง ไม่ต้องกลัวว่านั่งนานแล้วจะเมื่อย เพราะเครื่องบินลำใหญ่นั่งสบายยืดขาได้เต็มที่เลย
รีบหาวันว่างแล้วเช็คราคาได้ที่ http://www.nokscoot.com/

ส่วนเรื่องราคานี่ไม่แพงเลย เริ่มต้นที่เที่ยวละ 4,210 บาท (รวมภาษีแล้ว) เพราะ NokScoot เป็นสายการบินราคาประหยัดอยู่แล้ว เลือกวันดีๆแล้วไปกันได้เลย ( ตรวจสอบเที่ยวบินได้ที่ http://www.nokscoot.com )

ไปดูกันเลยดีกว่าว่าทริปนี้เราไปที่ไหนกันมาบ้าง

Rokko International Musical Box Museum (จังหวัด Hyogo)

Rokko International Musical Box Museum : ที่นี่คือพิพิธภัณฑ์กล่องดนตรีซึ่งจะมีการจัดแสดงกล่องดนตรีให้เราได้เข้าชม ช่วงที่เราไปเป็นหน้าหนาวแน่นอนว่าหิมะตกด้วยยย

 

สิ่งที่เราชอบที่สุดของ Rokko International Musical Box Museum ก็คือเจ้านี่แหละ 555 เจ้านี่คือกล่องดนตรีของเราซึ่งเราจะได้ลองทำเป็นของตัวเองซึ่งเสียงจะมีแค่ของเราคนเดียวเท่านั้น ของเราเสียงมันจะแหลมๆหน่อยๆ 555 ถ้าลงคลิปในอัลบั้มได้นี่อยากมาเปิดให้ฟังเลย 5555

 

อย่างที่เราบอกไป ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ถ่ายรูปออกมาสวยและถ่ายสนุกมาก

ทริปนี้เราเลยพกกล้อง Sony A7iii และเลนส์อีก 2 ตัว
1. Sony FE 16-35mm f2.8 GM  :  เลนส์ ultra wide ที่เราชอบมากและแน่นอนเลนส์มุมกว้างแบบนี้ต้องเหมาะกับคนชอบเที่ยวอยู่แล้วเพราะการไปแต่ละสถานที่เราก็อยากเก็บภาพและรายละเอียดให้ครบอยากบอกว่าเลนส์ตัวนี้ตอบโจทย์เราสุดๆมีอะไรที่เราชอบบ้างเดี่ยวตามไปอ่านกันได้เลย

2.Sony FE 24-105mm f4 G OSS : ถ้าถามว่าเลนส์ตัวไหนติดกล้องเรานานที่สุดก็ต้องบอกเลยว่าตัวนี้แหละ ด้วยความที่ระยะกว้างทำให้เราสามารถถ่ายได้หลายแนว ถึงแม้ในระยะ 24 จะไม่ได้กว้างมากแต่ตอนเราใช้ก็ไม่ได้รู้สึกหงุดหงิดนะเราว่าระยะถือว่ากำลังดีเลยและถ้าอยากถ่ายอย่างอื่นเราก็ซูมเข้าไปถ่ายได้ตลอดในช่วงจังหวะรีบๆที่เปลี่ยนเลนส์ยากเราว่าเลนส์ตัวนี้ช่วยได้เยอะเลยยังมีอีกหลายเรื่องที่เราชอบตามไปอ่านกันได้เลย

นอกจากจะได้ชมและลองทำกล่องดนตรีของตัวเองก็ยังได้ถ่ายรูปกับหิมะแบบนี้ด้วย

ภาพนี้เราถ่ายด้วยเลนส์ FE 16-35mm f2.8 GM  ถ่ายที่ระยะ 31 และ F2.8 ถึงเราจะบอกว่าเลนส์ตัวนี้เหมาะกับการถ่ายวิวและท่องเที่ยวแต่สำหรับการเอามาถ่ายคนส่วนตัวเราโอเคเลยนะ เรื่องการละลายหลังไม่ได้ละลายมากแต่สำหรับเราที่ชอบท่องเที่ยวเราว่าการละลายหลังนิดหน่อยให้เห็นว่าฉากหลังคืออะไรถ่ายที่ไหนประมาณนี้ก็สวยไปอีกแบบนะ

Rokko Garden Terrace  (จังหวัด Hyogo)

ถือเป็นอีกหนึ่งจุดที่ห้ามพลาดเมื่อมาที่ภูเขารคโค ที่นี่เป็นจุดชมวิวที่ใช้ได้เลย แต่จุดเด่นของที่นี่ไม่ได้อยู่ที่วิวสวยๆเท่านั้น เพราะที่นี่มีร้านเนื้อย่างที่เราบอกเลยว่าโคตรอร่อยโดยเฉพาะเนื้อแกะใครมาที่นี่ห้ามพลาดเด็ดขาด

ร้าน Rokkosan Genghis Khan Palace ร้านปิ้งย่างที่มีจุดเด่นคือเนื้อแกะ ใครมาที่นี่ห้ามพลาดเด็ดขาดถือว่าเป็นมื้อที่อร่อยที่สุดในทริปเลยก็ว่าได้สำหรับร้านนี้ นอกจากอาหารอร่อยมองออกไปนอกหน้าต่างก็จะเจอกับวิวสวยๆอีกด้วย

Rokko Snow Park  (จังหวัด Hyogo)

ไปต่อกันอีกที่เลยดีกว่าที่นี่คือ Rokko Snow Park จะเรียกว่าเป็นพระเอกของ Mount Rokko เลยก็ว่าได้ซึ่งที่นี่เป็นลานเล่นสกีหิมะเทียมซึ่งเปิดเป็นที่แรกในประเทศญี่ปุ่น สามารถมาเล่นสกี สโนว์บอร์ด และโซริ (ถาดเลื่อนหิมะ) ได้ที่นี่ ที่นี่ตั้งอยู่ในเมืองโกเบ ไม่ใกล้ไม่ไกลจากโอซาก้าใช้เวลาประมาณ 1 ชม. ก็มาที่นี่ได้แล้ว

สำหรับการถ่ายภาพที่นี่เราใช้เลนส์ 24-105mm f4 G เพราะเราต้องซูมเพื่อถ่ายคนตอนกำลังเล่นซึ่งระยะ 105 ถือว่ากำลังโอเคเลยสำหรับการถ่ายที่นี่โฟกัสได้เร็วมากไม่หลุดเลย

 

Kobe Harborland  (จังหวัด Hyogo)

มาต่อกันที่ Kobe Harborland ที่นี่เป็นศูนย์การค้าที่สามารถมองเห็นวิวอ่าวโกเบได้ด้วย ซึ่งเออมันก็แปลกดีเดินเที่ยวเดินช็อปแต่มีวิวสวยๆอยู่ด้านข้างด้วย 5555

ร้าน ASOKO ร้านขายสินค้าน่ารักๆที่มีให้เลือกเยอะมากก ยิ่งถ้าผู้หญิงมาเดินช็อปเชื่อว่ายาวแน่นอน 555

ร้าน Kannonya ใครชอบชีสเค้กห้ามพลาดเพราะร้านนี้ของเขาอร่อยมากกกกก

ภาพด้านล่างเราใช้เลนส์ FE 16-35mm f2.8 GM  ซึ่งถ่ายใกล้กับฉากหลังและอยากเก็บให้หมด ซึ่งเลนส์ตัวนี้ด้วยความที่มัน ultra wide ก็ทำให้เราเก็บฉากหลังได้หมด

นอกจากร้านอาหารและแหล่งช็อปปิ้ง ที่นี่มีชิงช้าสวรรค์ให้ได้เล่นด้วยนะบอกเลยว่าด้านบนวิวดีสุดๆ ค่าบริการอยู่ที่ 800 เยน

วิวจากบนชิงช้าบอกเลยว่าสวยสุดๆๆ

Arima Onsen  (จังหวัด Hyogo)

ที่นี่ถือเป็นเมืองแห่งออนเซ็นเลยก็ว่าได้ ภาพด้านบนที่เห็นคือเป็นบ่อแช่เท้าสาธารณะ และนอกจากเมืองนี้จะเด่นเรื่องบ่อน้ำพุร้อนซึ่งมีน้ำแร่สีทองแล้วก็ยังมีมุมถ่ายรุปสวยๆและสิ่งน่าสนใจต่างๆไม่ว่าจะเป็น สวนสาธารณะ ศาลเจ้า พิพิธภัณฑ์ และร้านขายของที่ระลึกต่างๆ ไปลองดูรูปกันเลยดีกว่า

Izushi : Little Kyoto in Tajima  (จังหวัด Hyogo)

เป็นเมืองเก่าซึ่งยังคงบรรยากาศเดิมเอาไว้เราชอบที่นี่เพราะมีมุมถ่ายรูปสวยๆเยอะมากและเมืองนี้เรายังสามารถเช่าชุดกิโมโนใส่เดินเล่นในเมืองได้ด้วยนะ แต่วันนี้คือหนาวมากกกเลยไม่มีคนใส่กันช่วงนี้ 5555

ตรงศาลเจ้าถือเป็นมุมถ่ายรูปที่เราชอบที่สุด

มองจากมุมนี้เห็นวิวภูเขาอยู่ด้านหลังดูกลมกลืนไปกับธรรมชาติสุดๆ

ร้าน Drive-In Izushi (Izushi soba) จุดเด่นอีกอย่างของที่นี่ก็คือโซบะนี่แหละ ใครชอบโซบะอยู่แล้วห้ามพลาดเด็ดขาด ส่วนใครที่ไม่เคยลองต้องมาลองสักครั้งและจะไม่ผิดหวังแน่นอน

Kinosaki Onsen (จังหวัด Hyogo)

คิโนซากิออนเซ็นเมืองแห่งน้ำพุร้อนที่มีอายุมากกว่า 1,300 ปี ที่นี่มีบ่อออนเซ็นสาธารณะมากถึง 7 แห่งด้วยกันและยังเป็นเมืองที่สามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปี แต่ช่วงที่เราอยากแนะนำให้มามากที่สุดคือช่วงใบไม้ผลิซึ่งที่นี่จะมีดอกซากุระบาน บวกกับสะพานแบบในภาพเราว่ามันเป็นอะไรที่เข้ากันสุดๆ

สำหรับเมืองนี้เราเลือกใช้เลนส์ FE 16-35mm f2.8 GM

 

ภาพนี้เราถ่ายที่ระยะ 35 f2.8 การละลายหลังที่ได้ก็ประมาณนี้แหละเราชอบถ่ายครึ่งตัวเพราะอยากเก็บฉากหลังของสถานที่ที่เราไปไว้ด้วยถ้าเบลอมากไปกว่านี้เดียวเราจะจำไม่ได้ 5555 สำหรับเราเราพอใจในการถ่ายคนของเลนส์ตัวนี้นะ

เมืองนี้มีกิจกรรมอีกอย่างที่ถ้ามาแล้วไม่ควรพลาดโดยเฉพาะสาวๆ นั่นก็คือการแต่งชุดกิโมโนและเดินถ่ายรูปเล่นในเมือง
สำหรับร้านอิโรฮะ ราคาเริ่มต้น 2,160 เยน เช่าชุดไม่จำกัดเวลา เปิดตั้งแต่ 10.30-22.00 น.

Amanohashidate View Land (จังหวัด Kyoto)

อามาโนะฮาชิดาเตะ เป็น 1 ใน 3 สถานที่ที่มีวิวสวยที่สุดในญี่ปุ่น ซึ่งสำหรับคนญี่ปุ่นที่นี่ได้รับความนิยมสูงมากแต่คนไทยยังไม่ค่อยรู้จัก

สำหรับที่นี่เราใช้เลนส์ Sony FE 24-105mm f4 G เพราะครั้งนี้เราต้องมีซูมถ่ายแน่ๆเพราะเราดูวิวจากมุมสูงก็มีรายละเอียดวิวด้านล่างที่เราอยากจะซูมและถ่ายเพื่อเก็บรายละเอียด

นี่คืออามาโนะฮาชิดาเตะ อย่างที่เราเห็นในภาพเลยลักษณะที่นี่จะเป็นสันทรายที่สลับคดเคี้ยวมีระยะทางกว่า 3 กิโลเมตร แต่น่าเสียดายไปหน่อยวันที่เรามาฝนตกฟ้าเลยไม่สวย 55

มองจากข้างบนเราว่าบ้านเรือนด้านล่างก็น่าสนใจดีเราก็เลยซุมดูด้วยระยะ 105 ซึ่งภาพที่ได้ก็ตามนี้เลยรายละเอียดครบถ้วนชัดทั้งภาพ ตอนแรกก็แอบคิดนะว่าจะซูมถึงหรือเปล่าถ่ายจากบนนี้ แต่ผลที่ได้เราโอเคเลยสำหรับเลนส์ตัวนี้

และที่ Amanohashidate นอกจากจุดชมวิวที่นี่ก็ยังมีสถานที่น่าสนใจอีกหลายที่เลยไม่ว่าจะเป็น Chionji Temple / สะพานไคเซงเคียว / ร้าน Hashidate Daimaru แต่ละที่จะมีอะไรที่น่าสนใจบ้างไปดูกันเลยดีกว่า

Chionji Temple  (จังหวัด Kyoto)

วัดชิอนจิ เป็น 1 ใน 3 วัดที่มีชื่อเสียงเรื่องพระพุทธรูปและมีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 800 ปี เป็นหนึ่งในวัดที่เรามองว่าสวยมาก

มีให้เสี่ยงเซียมซีด้วยนะ แต่เราชอบที่ทำเป็นพัดแบบนี้มากก ถ้าหยิบได้อันดีๆให้เอากลับไปแต่ถ้าได้ไม่ดีเขาให้แขวนไว้ที่ต้นไม้ของวัด ใครได้มาก็มาลองเสี่ยงกันดูน่าา

สะพานไคเซงเคียว (จังหวัด Kyoto)

ปกติถ้าเรือจะขับผ่านสะพานก็จะเป็นการลอดใต้สะพานแต่ที่นี่พิเศษกว่าถือเป็นสะพานที่หายากมากคือเมื่อมีเรือแล่นผ่านจะมีการหมุน 90 องศาให้เรือผ่านไปได้ เมื่อก่อนสะพานเปิดด้วยระบบมือหมุนแต่ปัจจุบันไม่แล้ว เรือจะมารอบ 10.00 และ 16.00 เป็นหลัก

นอกจากสะพานจะน่าสนใจแล้วเราว่าที่นี่ก็เป็นอีกหนึ่งจุดที่ถ่ายรูปออกมาสวยนะ

 

เที่ยวกันเสร็จแล้วเรามาแวะกินมื้อเที่ยงกันที่ ร้าน Hashidate Daimaru เมนูแนะนำของร้านนี้คือข้าวอบปู ถ้าใครชอบปูต้องชอบเมนูนี่มากแน่ๆได้ทั้งรสสัมผัสและกลิ่นของปูไปพร้อมๆกันในคำเดียว

The Funaya of Ine (จังหวัด Kyoto)

“อิเนะ” หมู่บ้านชาวประมงลับๆในจังหวัดเกียวโต
พอเห็นว่าเป็นหมู่บ้านชาวประมงหลายๆคนคงจะหมดความสนใจไปแล้ว แต่เราอยากบอกว่า ช้าก่อนนน !!! ที่นี่ไม่ใช่หมู่บ้านชาวประมงทั่วๆไปเพราะที่นี่สวยมากสิ่งที่เราชอบที่สุดก็คือความกลมกลืนระหว่างบ้านเรือนและธรรมชาตินี่และเราจะเห็นได้ชัดๆจากภาพที่เราถ่ายมาเลย บอกเลยว่าใครชอบถ่ายรูปต้องถูกใจที่นี่มากแน่ๆ นี่ขนาดฝนตกนะยังสวยขนาดนี้ถ้าฝนไม่ตกจะขนาดไหน

บ้านเมืองของที่นี่ก็สวยดูวินเทจบอกตรงๆว่าชอบมาก อยากเป็นชาวประมงของที่นี่เลยอ่ะ 5555

ถ้ามาเที่ยวอิเนะกิจกรรมที่ห้ามพลาดเลยก็คือนี่แหละ ล่องเรือให้อาหารนก 5555 อย่าคิดว่านกธรรมดานะเพราะที่นี่มีทั้งนกนางนวลและที่พีคสุดมีเหยี่ยวด้วย เยอะมากอีกต่างหาก 5555

ครั้งนี้เราเลือกใช้เลนส์ Sony FE 24-105mm f4 G แน่นอนว่าถ่ายนกมันก็ต้องมีการซูมถ่ายก็ต้องเลนส์ตัวนี้เท่านั้น 5555

ภาพนี้อยากบอกว่าในเป็นเหตุการณ์ฉุกเฉินที่นกกำลังมาเราไม่ทันจะได้โฟกัสดีๆมันก็โฉบไปแล้วเร็วมากกก ภาพที่ได้ก็จะตามนกไม่ทันเพราะยังไม่ได้ปรับสปีดชัตเตอร์เลย 5555 เดี๋ยวขอแก้มือ

มองหมู่บ้านนี้จากบนเรือได้เห็นหมู่บ้านในมุมกว้างๆแบบนี้มีพื้นหลังเป็นภูเขาบอกตรงๆว่าเราหลงรักเมืองนี้เข้าแล้วเต็มๆ

มาเริ่มถ่ายนกกันเลยดีกว่า 5555 ถ้าอยากถ่ายเหยี่ยวแนะนำให้ขึ้นมาบนดาดฟ้าเรือเพราะเหยี่ยวจะบินสูง

การให้อาหารนกก็แค่ถือขนมที่เขาแจกให้และยื่นแบบนี้แล้วมันจะมาโฉบไปเอง 555 แต่เนื่องจากฝนตกและลมแรงมากกก นกเลยตามไม่ทันเรือเราเลยไม่ได้ภาพที่นกโฉบจากมือ แอบเสียดายย 555

แต่ไม่เป็นไร เราไปถ่ายเหยี่ยวกันบนดาดฟ้าเรือดีกว่าไม่พลาดแน่นอน

แต่นกที่แข็งแกร่งแบบเหยี่ยวก็ยังบินสบายใจ เราขึ้นไปบนดาดฟ้าเรือแล้วถ่ายมาได้เป็นแก็งค์เลย 5555 ตอนแรกแอบกลัวว่าเลนส์ Sony FE 24-105mm f4 G จะถ่ายไม่ได้เพราะนกบินค่อนข้างสูง แต่อย่างที่เห็นครับมันจะมีจังหวะที่นกกำลังจะลงมากินเราก็ต้องรีบถ่ายซึ่งบอกเลยว่าเลนส์ตัวนี้ทำได้ถูกใจเรามาก

Kurokabe Square (จังหวัด Shiga)

คุโระคาเบะสแควร์ ถือเป็นศูนย์รวมหอศิลป์ ร้านอาหาร และร้านกาแฟต่างๆ แต่ความพิเศษของที่นี่ก็คืออาคารโบราณแบบญี่ปุ่นที่ฉาบด้วยปูนฉาบสีดำจำนวน 30 หลัง ซึ่งเราก็ไม่เคยเจอเมืองอื่นที่มีอาคารโบราณสีดำเยอะขนาดนี้มาก่อน

กิจกรรมที่ห้ามพลาดเลยก็คือการออกแบบแก้วของตัวคุณเอง ซึ่งเราจะได้วาดและออกแบบลวดลายของแก้วด้วยตัวเองเป็นของที่ระลึกที่มีเพียงชิ้นเดียวในโลก ใครมาที่นี่เราอยากให้มาลองดูนะ 

เรากินมื้อเที่ยงกันที่ ร้าน 96 Café อยากจะบอกว่าร้านนี้มีเมนูน่าสนใจเยอะมากบรรยากาศก็ชิคๆแต่ตั้งอยู่ในบริเวณอาคารโบราณของคุโระคาเบะสแควร์ เราได้ลองกิน Hamburg of Omi Pork ส่วนตัวเราชอบนะโดยเฉพาะส่วนของ Hamburg อร่อยมากกก  และยังมีเมนูอื่นๆน่าสนใจอีกเยอะเลยเป็นอีกหนึ่งร้านที่เราแนะนำ

Omihachiman : Boat cruise (จังหวัด Shiga)

ต่อไปเราจะมาพาทุกคนย้อนยุคนั่งเรือชิลๆกันบ้างดีกว่าที่นี่คือโอมิฮะจิมังแต่ยังไม่ได้เข้าเมืองนะเราจะมาล่องเรือกันก่อน ที่นี่เราจะได้นั่งเรือชิลๆชมบรรยากาศท้องถิ่นโดยมีการเปิดเพลงญี่ปุ่นเก่าๆคลอไปด้วยนะ 5555 เป็นอะไรที่ชิลมากก

การนั่งเรือแบบนี้แน่นอนว่าเราเดินไปไหนมาไหนไม่ได้ เลนส์ที่ต้องใช้เลยต้องเป็น Sony FE 24-105mm f4 G เพราะเราสามารถซูมถ่ายได้ตลอดเส้นทางเลย

หลายคนอาจจะคิดว่าเราจะถ่ายวิว แต่ไม่เลย 5555 เราชอบถ่ายลุงที่พายเรือให้เรานี่แหละหน้าตาลุงยิ้มแย้มดูมีความสุขกับการทำงานมากก และภาพที่ได้ออกมาเราชอบสุดๆรายละเอียดของภาพคือคมชัดมาก

ภาพที่ถ่ายลุงที่พายเรือเราซูมแบบเกือบสุดเลยทำให้พื้นหลังละลายมากกก อย่างที่เราบอกว่าเลนส์ตัวนี้ทำได้หลายอย่างเลย

พอเห็นลุงยิ้มเราก็มีความสุขไปด้วย 5555

Omihachiman : Walk around Street  (จังหวัด Shiga)

ที่สุดท้ายที่เราไปก็คือที่นี่แหละ “โอมิฮะจิมัง”  เมืองลับๆที่คุณต้องไปสัมผัสสักครั้งในชีวิต เมื่อกี้เราไปล่องเรือกันมาแล้วตอนนี้เราก็มาเดินถ่ายรูปเล่นในเมืองกันบ้างดีกว่า สำหรับ “โอมิฮะจิมัง” ได้ยินชื่อนี้เรามั่นใจเลยว่าคนส่วนใหญ่ต้องไม่รู้จักแน่ๆ ก่อนจะมาที่นี่เราก็ไม่เคยได้ยินมาก่อนเหมือนกัน 555 แต่อย่าเพิ่งคิดว่าสิ่งที่เราไม่รู้จักจะเป็นสิ่งที่ไม่น่าสนใจเพราะบอกเลยว่าโอมิฮะจิมังเป็นเมืองที่น่าสนใจมากกก

สิ่งแรกที่เราชอบเลยก็คือบ้านเมืองของที่นี่ซึ่งเป็นเมืองประวัติศาสตร์การมาเดินถ่ายรูปเล่นที่นี่เหมือนเราได้ย้อนกลับไปสมัย 500 ปีก่อนเลยก็ว่าได้ 555 บางคนอ่านแล้วอาจจะคิดว่าเมืองเก่าแบบนี้ในญี่ปุ่นมีเต็มไปหมด แต่เราบอกเลยว่าจุดเด่นสุดๆของที่นี่ก็คือเป็นเมืองที่คนน้อยมากทำให้คุณถ่ายรูปได้สนุกยิ่งขึ้นไม่ต้องไปแย่งมุมถ่ายรูปกับคนอื่นๆ 555

บอกเลยว่านอกจากจะมีมุมถ่ายรูปสวยๆแล้วที่นี่ก็สงบมากเช่นกัน

วันนี้ดวงดีแสงสวยมากกก ภาพด้านล่างเราถ่ายด้วย Sony FE 24-105mm f4 G ภาพนี้เราอยากได้เบลอหลังเยอะหน่อยเลยซูมไปที่ระยะ 95 F4 ถ่ายครึ่งตัวจะเบลอหลังประมาณนี้เลยเราว่าโบเก้ของเลนส์ตัวนี้สวยดีนะลองดูในภาพได้เลย

จบไปแล้วสำหรับทริปนี้เป็นญี่ปุ่นในอีกมุมมองที่เราก็เพิ่งจะเคยสัมผัสนี่แหละ เราอยากให้ทุกคนลองออกไปสัมผัสสถานที่ใหม่ๆแบบนี้ดูนะ เราว่าไม่ผิดหวังแน่นอนเพราะแต่ละสถานที่ก็มีเสน่ห์ที่แตกต่างกันอออกไป

สำหรับทริปนี้เราต้องขอบคุณ องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศญี่ป่นุ (JNTO) ที่ทำให้เราได้มาสัมผัสกับสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ๆในคันไซ และนอกจากที่เที่ยวทีเราได้ไปมาจริงๆแล้วในคันไซยังมีสถานท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกเยอะมากสามารถเข้าไปหาข้อมูลเพิ่มเติมที่ Link ด้านล่างได้เลย
Fecebook : การท่องเที่ยวญี่ปุ่น – Visit Japan
Website : www.jnto.or.th

ติดตามรีวิวใหม่ๆของเราได้ที่นี่เลย : เที่ยวก่อนตาย Bucket list TH