ถ้าเกิดให้เดินไปถามคน 100 คน ว่าไปเที่ยวเมืองตรังจะไปทำอะไรบ้าง คำตอบที่ได้ 70% คงหนีไม่พ้นการไปตระเวนกินของอร่อย หรือไม่ก็ไปเที่ยวทะเลสวยๆแน่นอน ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมก็คงตอบแบบคนส่วนใหญ่ ก็มันจริงนี่หว่า 555 ทะเลก็สวย อารหารก็โคตรจะอร่อย พูดแล้วก็หิว ไปหาข้าวกินแป่ป 55555
แต่สำหรับตอนนี้ถ้ามีคนเดินมาถามว่าจะไปทำอะไรที่เมืองตรัง ? คำตอบของผมตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว เพราะผมจะไปปีนเขาไปชมวิวป่าโกงกางเขียวๆแบบ 360 องศา ยังไม่พอ ผมจะไปดดูทะเลหมอก แล้วก็จะไปลอดท้องมังกรด้วย 55555 คนที่เข้ามาถามคงจะงงว่ากูพูดเรื่องเหี้ยไรอยู่ ที่ตรังมันมีแบบนี้ที่ไหน 5555
เมื่อก่อนผมก็คิดแบบนี้ครับ แต่หลังจากที่ได้ไปสัมผัสกับสถานที่ใหม่ๆที่แตกต่างกับปกติ ทำให้มุมมองของผมเกี่ยวกับเมืองตรังเปลี่ยนไป และในรีวิวนี้จะพาไปดูว่าเมืองตรังไม่ได้มีดีแค่ทะเลหรือของอร่อย แต่ยังมีสถานที่เที่ยวใหม่ๆที่มึงไม่เคยคิดมาก่อนว่าเมืองตรังจะมีอะไรแบบนี้ เชื่อดิ เมืองนี้มีดีอีกเยอะ ไม่เชื่อก็ไปอ่านรีวิวดูเลย ชิ่วๆๆๆ 555
สำหรับเช้าวันแรก ถึงจะบอกว่าจะพาไปเที่ยวในแบบที่แตกต่าง แต่สำหรับมื้อเช้าถ้ามาเมืองตรังยังไงก็ต้องกินติ่มซำ เหมือนเป็นกฏของผู้มาเยือน 55555 สำหรับร้านติ่มซำในเมืองตรังนั้นถ้าถามว่าให้แนะนำ บอกได้อย่างเดียวเลยครับว่า “กูไม่รู้” 55555 อันนี้ไม่ได้กวนนะ ไม่รู้จริงๆ เอาจริงๆรสชาติแต่ละร้านคงไม่แตกต่างกันมาก เอาเป็นว่าอร่อยทุกร้านละกัน 5555 และร้านติ่มซำในเมืองตรังก็มีอยู่เยอะพอๆกับเซเว่น อยากกินร้านไหนก็เลือกเองเลย ถุยยยยย มึงก็เว้อไป ไม่เยอะขนาดนั้น 555555 สำหรับผมวันนี้กินที่ร้าน “เขียวโอชา”
หลังจากเสร็จเรื่องกินก็ไปเรื่องเที่ยวกันต่อ เราเดินทางต่อไปที่ บ้านน้ำราบ ต.บางสัก อ.กันตัง จ.ตรัง ถ้ากำลังสงสัยว่ามาทำไม อ่านต่อไปครับ อยากบอกว่าเด็ดเหี้ยๆ แล้วมั่นใจเลยว่าน้อยคนที่จะรู้จักที่นี่เพาะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ของจังหวัดตรัง ผมจะยังไม่บอกจนกว่าจะอ่านไปถึงจุดพีคของสถานที่ ค่อยอ่านไปนะ 555 หรือถ้าใครหัวร้อนอยากรู้เร็วๆก็เลื่อนแม่งลงไปดูภาพเลย 555
เริ่มแรกเมื่อไปถึงกิจกรรมแรกก็คือการล่องแพชมป่าโกงกาง
แพของเราสำหรับทริปนี้
ด้านในแพก็จะเป็นแบบนี้ในส่วนของแพมีให้เลือกหลายขนาด หลายราคา จำนวนคนที่จุได้แตกต่างกันไปตามขนาด สำหรับในแพจะมีทั้งเครื่องดื่มอาหารว่าง แล้วก็มีมื้อเที่ยงเป็นอาหารทะเล กินให้ท้องแตกตายกันไปเลย 555
และแล้วก็ถึงเวลาออกเรือ ไม่ใช่เรือหางยาวลำนี้นะ หมายถึงแพเรา 5555
ระหว่างการล่องแพก็จะมีป่าโกงกางขนาบอยู่สองข่างซ้ายขวา หันไปทางไหนก็จะเจอแต่ป่าโกงกาง บรรยากาศตอนนี้คือสงบมาก
ในส่วนของความชิลนั้น 5555
เนื่องจากในช่วงที่ไปเป็นหน้าฝนด้วย วันที่เราไปก่อนที่จะถึงทีบ้านน้ำราบก็มีฝนตก แต่เมื่อมาถึงฝนก็หยุด รอดตัวไปเพราะถ้าฝนตกต่อคงจะไม่เหมาะที่จะไปทำกิจกรรม 555 มากับดวงจริงๆ จะเห็นได้ว่าบนยอดเขาลูกนั้นจะมีหมอกอยู่หน่อยๆ
และแล้วก็มาถึงไฮไลท์ของวันนี้เป็นจุดที่ผมก็พึ่งจะรู้ตอนที่ขึ้นไปถึงยอดเขานี่แหละว่ามีสถานที่แบบนีอยู่ในจังหวัดตรังด้วย นั่นคือ “เขาจมป่า” งงเด้ งงเด้ จมป่ายังไง 555 ไม่ต้องมาถามกู งงเหมือนกัน แล้วก็ไปหาในเน็ตดูซึ่งก็ไม่ค่อยมีข้อมูล 555 ได้ความมาว่า เป็นภูเขาที่อยู่ในป่าที่ถ้ามองจากระยะไกลจะมองไม่เห็น ต้องเข้ามาใกล้ๆถึงจะมองเห็น เลยได้ชื่อว่า “เขาจมป่า” ประมาณนี้ 555 ทางที่ดีนะตอนไปฟังลุงที่เป็นไกด์แนะนำดีๆ จะได้ไม่ต้องมานั่งหาข้อมูลทีหลังแบบนี้ 555 ไปกันต่อเถอะ แพมาถึงท่าเทียบเรือแล้ว ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการปีนเขาจมป่า
สำหรับการเดินขึ้นสู่ยอดเขาในครั้งนี้ใช้เวลาประมาณ 40 นาที เส้นทางชันเล็กน้อย มีบางจุดที่ชันมาก แต่การเดินหลังจากที่ฝนพึ่งตกต้องระวังให้มากๆ เพราะมันลื่น
มีเดินลัดเลาะซอกหินบ้าง
มีรองเท้านารีด้วย รองเท้าอะไรนี่มันดอกไม้ 5555555
เกือบถึงจุดสูงสุดแล้ววว แต่นี่ขนาดยังขึ้นมาไม่สุดยังสวยขนาดนี้อ่ะ จินตนาการกันดูว่าวิวบนสุดจะขนาดไหน
จะถึงแล้วววว
ถึงแล้วโว้ยยยยยย จังหวะแรกที่หันขวาไปเห็นก็ลั่นชัตเตอร์เลยจ้าาา ดูความเขียวของที่นี่ดิ มองตรงไปสุดๆตรงนั้นจะเป็นทะเล ตอนที่รู้ว่าต้องมาที่นี่ก็ไม่ได้ดูมาก่อนเลยว่าที่นี่เป็นยังไง ไม่มีภาพอยู่ในหัว ไม่ได้คาดหวังอะไรทั้งนั้น แต่สิ่งที่ได้เจอกับตาตอนขึ้นไปถึงนี่แม่งสุดยอดมาก เขียวเหี้ยๆ 55555 ของจริงสวยกว่าภาพพอสมควรเลย ไม่ได้เว่อจริงๆ 555 คือกล้องมันเก็บภาพได้ไม่ครบทุกมุม ต้องไปดูด้วยตัวเองว่าแม่งยิ่งใหญ่ขนาดไหน ไม่เคยคิดจริงๆว่าเมืองตรังจะมีอะไรแบบนี้
เห็นลำคลองในภาพนี้ไหม มันเป็นทางน้ำที่ไหนคดเคี้ยวเหมือนเจ้าแม่นาคีกำลังเลื้อยลงสู่ทะเล 55555 เหตุผลที่กูไม่สามารถถ่ายให้เห็นเป็นภาพเจ้าแม่นาคีได้คือกูเตี้ย 555555555
จบไปแล้วสำหรับสถานที่แรก สำหรับกุนะบอกเลยว่าว้าวมาก อารมณ์เหมือนบินได้แล้วขึ้นไปมองป่าโกงกางจากบนฟ้าอ่ะ เห็นภาพแบบนี้แล้วอยากเกิดเป็นนกจริงๆ คงจะเห็นวิวสวยๆแบบนี้ตลอดเวลา 555 เพ้อเหี้ยไร ตื่นนนนนน 55555 เอ่อลืมบอก ข้างบนลมดีมากกก และก็ได้เวลากลับแล้ว
ตอนเดินลงก็ระวังนะก้อนหินมันลื่นแล้วบางจุดก็ชันด้วย
ถึงแพแล้วโว้ยยยยย หิวหนักมากกก
เมื่อกลับถึงแพ ไม่มีอะไรที่จะดีใจเท่ากับมื้อเที่ยงอีกแล้ว 555 อร่อยทุกอย่าง เติมได้ตลอด โดยเฉพาะปู กินไปเถอะ กินให้ตายกันไปข้าง 555 ระหว่างที่เรากินแพก็แล่นไปเรื่อยๆจุดหมายต่อไปคือทะเลแหวก แต่ว่า….
ตบท้ายด้วยผลไม้ ระหว่างที่เรากินแพก็แล่นไปเรื่อยๆจุดหมายต่อไปคือทะเลแหวก แต่ว่า…. เรามาช้าไป ทะเลมันไม่ค่อยแหวกแล้ว 5555 แต่ก็ยังลงไปเล่นได้บนเนินทรายที่เล็กลงเรื่อยๆ 5555 เนื่องจากที่เราชิลกันบนเขาจมป่านานเกินไป ทำให้มาไม่ทันทะเลแหวก 555 ถ้าใครมาก็แบ่งเวลาดีๆนะเดี่ยวจะเป็นแบบผม 5555 แต่อย่าไปคิดมาก ในแง่ดีคือเราได้อยู่บนเขาจมป่านานขึ้น 555 มองโลกในแง่ดีเหี้ยๆ 5555
ทะเลที่ไม่ค่อยจะแหวกแล้ว 5555 โดยตอนที่มาทะเลแหวก แพจะพาเราต่อไปอีกหาดที่สามารถลงเล่นน้ำได้ แต่เราไม่ได้เล่นกนเลยไม่มีภาพปลากรอบ 555
และแล้วก็จบไปสำหรับวันแรก เรือแล่นกลับท่าเทียบเรือ และเราก็นั่งรถต่อไปยังสถานที่ต่อไปซึ่งขอบอกไว้ก่อนว่าสวยไม่แพ้เขาจมป่าเลย
กิจกรรมล่องแพติดต่อสอบถามได้ที่ : 084-6297971
สถานที่ต่อไปที่เราจะไปก็คือ หน่วยอาสาพิทักษ์ป่าวังผาเมฆ ต.วังมะปราง อ.วังวิเศษ จ.ตรัง ซึ่งเป็นที่นอนของเราสำหรับคืนนี้ ไปถึงก็เย็นแล้ว ที่นี่มีจุดชมวิวเล็กๆที่ไม่ต้องเดินไกลอยู่ 1 จุด เราก็เลยไปดูกันก่อนในเย็นวันนี้ ก็จะได้วิวประมาณนี้
เฉยๆใช่ไหมละ กุก็เฉยๆเหมือนกัน แต่นี่แค่เรียกน้ำย่อย ของจริงมันต้องพรุ่งนี้เช้า เราจะไปพิชิตวังผาเมฆ 555 หลังจากดูวิวเสร็จก็กลับไปกินข้าว อาบน้ำ นอน เพราะพรุ่งนี้เช้าต้องรีบตื่นตั้งแต่เช้า
เช้าวันต่อมาเวลาประมาณ 4:30 น. พี่ๆเจ้าหน้าที่มาปลุกล้างหน้าแปรงฟัน พอ 5:00 น. ก็เริ่มเดินป่าเพื่อพิชิตวังผาเมฆ เหมือนเดิมครับสำหรับวังผาเมฆ ก่อนมาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าวิวข้างบนเป็นยังไงสวยไหม เดินยากไหม สรุปนี่กูรู้เหี้ยไรบ้างเนี่ยย 555555 บ่นเสร็จแล้วก็เริ่มเดินขึ้นใช้เวลาประมาณ 1 ชม. เอ้อจะบอกว่าใครอยากมาวังผาเมฆไม่ต้องนอนค้างคืนก็ได้นะ เพราะเห็นคนหลายคนก็ไม่ได้นอน แต่ต้องโทรมาบอกเจ้าหน้าที่ก่อนแล้วมาให้ถึงจุดนัดตามเวลาที่นัดไว้ โดยการขึ้นไปบนวังผาเมฆต้องมีเจ้าหน้าที่นำทางนะ แล้วก็อยากจะบอกว่าที่นี่ทางชันมาก ชันเกือบตลอดเส้นทาง บวกกับที่ฝนตกมาก่อนทำให้ทางเดินลื่นมากกกก เตรียมไฟฉายมาด้วยนะ เพราะตอนเดินจะมองอะไรไม่เห็นเลย เรื่องที่จะบอกีแค่นี้แหละ 55555 ไปดูภาพดีกว่า
ขึ้นมาถึงเกือบๆหกโมง คนยังไม่ค่อยเยอะ ทุกคนมาเฝ้ารอแสงแรกของวัน
สำหรับตากล้องก็มาพร้อมอุปกรณ์พร้อมเก็บแสงแรก
หมอกมาแล้วววว
ยิ่งเช้าก็ยิ่งเห็นหมอกชัดยิ่งขึ้น ู้ตัวอีกทีก็มีทะเลหมอกเต็มไปหมดแล้ว ประทับใจมาก 555
ก่อนมาก็ไม่ได้คิดว่าจะเจอหมอกขนาดนี้ แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าที่ตรังมีทะเลหมอก พึ่งรู้ตอนขึ้นมาถึงแล้วนี่แหละ 5555
แสงแรกของวันออกมาแล้ว แสงแรกของวันกับหมอกนี่เป็นอะไรที่เข้ากันดีเหมือนโอริโอ้กับนมจริงๆ 5555
มันจะมีความพาสเทลหน่อยๆ
ชอบหมอกแบบนี้มากกกกก หมอกสวยๆเดินขึ้นมาแค่ 1 ชม. ก้ได้เจออะไรแบบนี้แล้ว ถึงตอนขึ้นมาจะเหนื่อยเหมือนกันก็เถอะ 555
เหมือนว่าพระเอกของเรากำลังจะโผล่ออกมาแบบชัดๆแล้ว
แสงสวยขึ้นเรื่อยๆเหมือนไข่แดงกำลังจะแตกออกมา 5555 เพ้ออะไรยุว่ะ
ผ่างเข้าให้ 555 พระเอกเราโผล่มาแล้ว
Silhouette
แสงที่ทุกคนเฝ้ารอคอย
group shot
อยู่บนนี้เกือบสองชั่วโมงหมอกก็ยังไม่หายไปไหน
ถ้าคนรู้จักจะมาเที่ยวจังหวัดตรัง จะไม่ลืมที่จะแนะนำให้มาที่นี่ “วังผาเมฆ”
หลังจากที่เก็บภาพกันจนเมมเกือบเต็มแล้ว ก็ได้เวลากลับ ก่อนกลับนี่มีรุ้งกินน้ำจ้าาา 5555 ถึงจะถ่ายออกมาไม่ค่อยชัด แต่ก็เห็นเนอะ 555
ตอนเดินขึ้นมันมืดไง มองอะไรไม่เห็นแต่ก็ขึ้นมาได้ แต่ตอนลงนี่ช็อค ไอสัสโคตรชันน กูเอาตัวเองขึ้นมาได้ยังไง 5555
แล้วจะกลับมาอีกครั้ง “วังผาเมฆ”
“วังผาเมฆ” ติดต่อสอบถามได้ที่ : 065-0683255
หลังจากที่ลงมาจากวังผาเมฆก็อาบน้ำ กินข้าว แต่งตัว เก็บของใส่รถมุ่งตรงไปยังจุดหมายต่อไป “วังเทพทาโร”
“วังเทพทาโร” แหล่งรวมงานศิลปะจากรากไม้ จ. ตรัง ถ้าให้พูดกันตรงๆเลยนะ ผมไม่ค่อยมีหัวหรือว่าความชอบด้านศิลปะซักเท่าไหร่ จึงเข้าไม่ค่อยถึงงานศิลปซักเท่าไหร่ แต่สิ่งที่สัมผัสได้เลยเมื่อมาถึง คือที่นี่เต็มไปด้วยความพยายามของคนหนึ่งคนที่ทุ่มเททุกอย่างลงไปกับอะไรอย่างหนึ่งอย่างเต็มที่ จึงทำให้เกิดงานศิลปะจากรากไม้เป็นมังกรที่สร้างมาจากไม้ทั้ง 88 ตัว เป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่และมีมนต์ขลังมาก โดยวังเทพทาโรยังมีความน่าสนใจอีกหลายอย่างด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นต้นเทพทาโรซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของที่นี่ ซึ้งเป็นต้นที่มีคุณประโยชน์มาก แต่น้อยคนนักที่จะรู้จักและก็มีอยู่น้อยมากเช่นกัน ถ้าใครมาแนะนำให้ลองกิน ชาไม้เทพทาโร รับรองไม่ผิดหวัง
ชาไม้เทพทาโร แบบเย็นก็มีนะ อร่อยมากกกก
คุณ จรูญ แก้วละเอียด ชายผู้ที่คิดและลงมือทำจนเกิดสถานที่แบบนี้ขึ้นมา
ความยิ่งใหญ่ของมังกร ที่ถ่ายมาแค่ครึ่งตัวนะ ใหญ่มากจริงๆ
เมื่อเดินชมงานศิลปะจนบรรลุแล้ว 555 ก็ไปทานมื้อเที่ยงกันก่อนเถอะ หิวมาก 55555 สำหรับมื้อเที่ยงวันนี้กินที่ร้าน @เขาหัวแตก เป็นร้านอาหารริมน้ำบรรยากาศชิลๆ แต่เที่ยงๆก็จะร้อนหน่อยๆ 555 มาบ่ายๆนี่กำลังดีเลย
อิ่มโคตรรรรร ไม่รู้เรียกว่าอร่อยหรือเรียกว่าหิว กินเยอะมากก 5555 นี่ถ้าอากาศไม่ร้อนนะจะไปพายเรือเล่นซะหน่อย แต่ถ้าไปพายตอนเที่ยงแบบนี้ กุคงช็อคแดดตายแน่ๆ 5555 หลังจากกินเสร็จก็อิ่มดิสัส 555 ถึงเวลาแล้วที่จะไปดูสถานที่ไม่ควรพลาดอีกแห่งหนึ่งของเมืองตรัง ไปกันเถอะ
ถึงแล้ว “ถ้ำเลเขากอบ” เราจะมาลอดท้องมังกรกัน สำหรับที่แห่งนี้หลายๆคนคงจะรู็จักกันบ้างแล้ว สำหรับผมเคยมาแล้วครั้งนึงตอน ม.ต้น ตอนนั้นบอกเลยว่าตื่นเต้นมาก หวาดเสียวมาก 5555 เลยคิดว่ามาครั้งนี้คงไม่กลัวไม่หวาดเสียว ก็เคยผ่านมาแล้วนี่หวาา งั้นก็มาดูกันว่าครั้งที่สองจะเป็นยังไง สำหรับถ้ำเลเขากอบค่าใช้จ่ายในการนั่งเรือลอดท้องมังกรนั้นมีค่าใช้จ่ายเป็นค่าเรือ 300 บาท นั่งได้ 5 คน ราคานี้คุ้มมากกับความหวาดเสียวที่คุณจะได้รับ
เรือออกแล้วววว
กำลังจะเข้าถ้ำ
พี่ที่พายเรือบอกให้หมอบเพราะเราจะเริ่มลอดกันแล้ว สำหรับทางเข้าเป็นแค่ออเดิฟ ของจริงมันอยู่ข้างหลัง แต่แค่นี้กูก็เสียวๆแล้วนะ 555555
ผ่านด่านแรกมาได้แวะชมหินงอกหินย้อยกันก่อน
ไปต่อครับ สำหรับรอบสองไม่ต้องหมอบนะ ไปดูหินงอกหินย้อยอีกจุด
นักเดินทางที่ดีห้ามทำลายสิ่งแวดล้อมอย่ามือคัน เดี่ยวตัดมือทิ้งเลย ธรรมชาติสวยๆพังหมด หินงอกหินย้อยถ้าไปแตะมันแค่นิดเดียวก็เท่ากับคุณหยุดการเจริญเติบโตไปเลย พูดง่ายๆคือถ้ามันเป็นคนก็คือมึงฆ่าคนตายไปหนึ่งคนนั่นแหละ 55555
และแล้วเราก็มาถึงจุดพีคคคคคคคคคคของถ้ำเลเขากอบ การลอดท้องมังกรที่แท้จริง 5555
ภาพที่เก็บมาได้ก็มียุแค่นี้แหละ กุไม่กล้าแม้แต่จะให้กล้องโผล่พ้นเรืออกมา กลัวกล้องพัง ยิ่งจนๆยุด้วย 55555 คือตอนที่ลอดท้องมังกร ตัวกูก็แทบจะไม่รอดแล้ว ไม่รู้หัวจะชนถ้ำตอนไหน 55555 สรุปว่ามาสองครั้งไม่ได้ช่วยอะไรเลย 55 กลัวเหมือนเดิม ดีไม่ดีแม่งกลัวกว่าเดิมอีก 5555555 สำหรับความสนุก ความหวาดเสียวของที่นี่เอาไปเลย 10/10 เรื่องนี้สอนให้รู้ว่าธรรมชาติแม่งสร้างได้ทุกอย่างจริงๆ สวนสนุกแบบโคตรหวาดเสียวแบบนี้ยังสร้างได้เลย อย่างให้ทุกคนมาสัมผัสความรูสึกแบบนี้ รับรองไม่ผิดหวัง
จบจากถ้ำเลเขากอบก็ได้เวลาพักผ่อนแล้ว กลับที่พักเลยจ้าาา ไม่ไหวล้าววว อยากนอนน 5555
สำหรับที่พักของเราคืนนี้คือ “Siritrang Boutique” หลังจากเข้าที่พักก็ขอพักผ่อนยาวๆเลยละกัน เตียงที่นี่ดูดวิญญาณหรือว่ากูเหนื่อยก็ไม่รู้ 55555
เช้าวันต่อมา เป็นันสุดท้ายที่เราจะอยู่ที่จังหวัดตรัง สำหรับสถานที่แรกที่เราไปคือ “ท่าเทียบเรือบ้านแหลมไทร”
สถานที่ต่อไป “หาดแหลมไทร” บ้านแหลมมะขาม ต.เขาไม้แก้ว อ.สิเกา จังหวัดตรัง วันสุดท้ายของเราจะเป็นสถานที่ชิลๆหน่อยไม่ต้องออกแรงอะไรมาก ถือว่าพักผ่อนก่อนกลับ และสำหรับหาดแหลมไทรนั้น ตอนแรกที่ได้ยินชื่อก็คิดว่าคงเป็นหาดธรรมดาไรงี้แหละ แต่พอมาสถานที่จริง…เห้ยย มันก็หาดธรรมดาจริงๆอ่ะแหละ 5555 ถุยยยย มันก็ไม่ได้ธรรมดาขนาดนั้น โดยส่วนตัวคือชอบพวกหินริมหาดแบบนี้อยู่แล้ว เค้าเรียกว่าอะไรวะ 555 แต่แบบมันดูมีอะไรอ่ะ แล้วตกลงมีอะไรว่ะ 55555 เออๆๆ เอาเป็นว่ากูชอบละกัน 555 ไปดูภาพเถอะ
เรากำลังเดินทางเข้าสู่ป่า เดี่ยวๆๆๆ ไหนมึงบอกว่าหาด 55555
ถึงแล้วว หินแบบนี้แหละที่บอกว่าชอบ คือตอนที่คลื่นเข้ากระทบกับหินนี่ชอบมาก
หาดบริเวณนี้จะเป็นแนวหินยาวตลอดแนว
ป้าออกมาตกปลา ได้เยอะเหมือนกันนะเนี่ย นี่แหละมีอะไรที่กูบอกไง มีปลาไงงง 55555
วิถีชีวิตของชาวบ้านในระแวกนี้
นี้ก็อะไรอีกอย่าง หอยไง 55555
จบไปแล้วสำหรับหาดแหลมไทร นี่ถ้ามาช่วงพระอาทิตย์ตกแสงสวยๆ ที่นี่คงสุดยอดมากแน่ๆ ไว้จะกลับมาใหม่
ระหว่างที่กำลังนั่งรถไปที่จุดสุดท้าย แต่ต้องจอดก่อนระหว่างทาง สัส ปวดฉี่ 555 ล้อเล่นนนน คือเจอจุดนึงเป็นสะพาน คือสะดุดตาจนต้องแวะลงมาถ่ายรูปก่อนที่จะไปต่อ ที่นี่คือ “สะพานทุ่งทองสามัคคี”
และอีกหนี่งที่สุดท้ายก่อนจบทริปตรัง เป็นคาเฟ่เท้ๆชื่อร้านว่า “GRAY CAFE” ร้านนี้คนเยอะมากกก แต่ชอบการตกแต่งร้านของเค้าอ่ะ คือชอบ คือเท่ ไปดูเอาเองละกันว่าเท่ยังไง
จบไปแล้วสำหรับทริป เที่ยว “ตรัง” ในมุมมองที่แตกต่าง 5555 หวังว่าในรีวิวนี้จะช่วยอะไรคุณได้บ้าง 555555 นี่กูเขียนมากูยังงงเลยว่าคนอ่านจะได้อะไรจากกูบ้างว่ะเนี่ย 5555 ถ้าใครอ่านมาถึงตรงนี้ก็ยินดีด้วยนะ คุณไม่ได้รางวัลอะไร บอกเฉยๆว่ายินดี 5555555
ติดตามรีวิวเกรียนๆแบบนี้ได้ที่ เที่ยวก่อนตาย Buckets List TH